“ประยุทธ์” เปิดทำเนียบคุยนักลงทุนญี่ปุ่น เล็งไทยตั้งฐานการผลิตหลายด้าน ปลื้มชาวสงขลา-พัทลุง แห่ให้กำลังใจรัฐบาลทำงานต่อ ยอมรับงบน้อยต้องใช้อย่างจำกัด
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องด้านการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน รายงานผลการเยือนประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยหารือกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าญี่ปุ่น และประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร รวมถึงผู้บริหารองค์กรธุรกิจชั้นนำของญี่ปุ่น ผลการดำเนินการเป็นที่น่ายินดีได้กระชับความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ และมีข้อตกลงระดับทวิภาคีหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนโดยตรงสูงที่สุดในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า ไทยมีแรงดึงดูดอย่างมากต่อบริษัทเอกชนของญี่ปุ่น และเขาแสดงความประสงค์จะร่วมมือลงทุนแห่งอนาคตสูงขึ้นในงานใหม่ๆ หลายด้าน เช่น ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งแวดล้อม พลังงาน หรือการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนร่วมกัน และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งวันนี้เราเดินหน้าไปพอสมควร โดยการจัดงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาก็ได้เห็นแล้ว รัฐบาลจะเอาทุกอย่างมาสานต่อทำให้ครบถ้วน และเขายินดีมีความประสงค์จะร่วมผลิตอีวีและส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีวีในภูมิภาคด้วย รวมถึงการผลิตแบตเตอรี่คุณภาพสูงในไทย การตั้งโรงงานเซลล์แบตเตอรี่ และร่วมกันสนับสนุนสตาร์ทอัปในไทยด้วย รวมถึงความร่วมมือด้านยารักษาโรค การวิจัย การผลิตยา ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังคุยกันถึงเรื่องความร่วมมือการค้าการเกษตรระหว่างไทยกับภูฏาน โดยจะมีการส่งออกสินค้าด้านการเกษตรไปยังภูฏาน และด้านศิลปวัฒนธรรมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ทั้งนี้ ยังมีจอร์แดนที่ ครม.ได้ตกลงเห็นชอบในการจัดโครงการแลกเปลี่ยนทางศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านอาหาร ภาพยนตร์ฟิล์ม ผ้าและการออกแบบแฟชั่น เผยแพร่ต่อยอดวัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างอิทธิพลและอำนาจการแข่งขันที่เรียกว่าซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งรัฐบาลผลักดันมาโดยตลอด และมีหลายกิจกรรม ถ้าเราเร่งผลักดันขับเคลื่อนเร่งยุทธศาสตร์เหล่านี้ให้ดี แต่ละกระทรวงช่วยกันในโครงการต่างๆ ก็จะสามารถต่อยอดต้นทุนทางวัฒนธรรมได้มากมาย ส่งผลให้เรามีชื่อเสียงในอีกหลายๆ ด้าน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้นำเสนอผลการดำเนินงานโครงการอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ที่ดูไบ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของผู้เข้าชมสูงสุด ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 2 ล้านราย สร้างความประทับใจและความสนใจในการมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะยุคหลังโควิดที่ไทยจะเปิดประเทศ หลายอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ นี่คือ สิ่งที่เขาประทับใจและสอดคล้องกับการลงพื้นที่จังหวัดสงขลาและพัทลุงของตนเอง ซึ่งพบว่าทุกคนมีความสุขเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมีความหวังจากสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะการปรับมาตรการเรื่องท่องเที่ยว ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ซึ่งเราได้มีการปรับมาเป็นระยะ จนอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณพี่น้องจังหวัดสงขลาและจังหวัดพัทลุง ที่ให้การต้อนรับตนและคณะเป็นอย่างดี และให้กำลังใจในการทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานของรัฐบาลต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ เพื่อทำให้กิจกรรมต่างๆ ได้มีความต่อเนื่อง ซึ่งตนได้บอกไปว่าสิ่งที่เราทำวันนี้ จำเป็นต้องเอาอดีตมาดูว่าปัญหาอุปสรรคเกิดจากที่ไหนอย่างไร แล้วมาทำปัจจุบันให้สามารถคลี่คล้ายเดินหน้าไปได้ เพียงแต่ต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำในปัจจุบันด้วย เพื่ออนาคตวันข้างหน้า สิ่งที่เราควรให้ความกังวลมีหลายเรื่องด้วยกันนอกจากเรื่องสุขภาพ สังคมสูงวัย การพัฒนาคุณภาพชีวิตอะไรต่างๆ เหล่านี้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว แต่ต้องหากิจกรรมต่างๆ มาทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และงบประมาณที่มีอยู่ ซึ่งตนได้พูดหลายครั้งแล้ว รัฐบาลพยายามใช้งบประมาณทำอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชน แต่ถ้าเราใช้ดูแลมากขึ้นซึ่งมากอยู่แล้ว การทำกิจกรรมอื่นๆก็จะน้อยลง เพราะเรามีงบประมาณจำกัด ดังนั้นตนพยายามจะใช้อย่างระมัดระวังที่สุด