“เทพไท” ขอสังคมแยกแยะ เรื่อง “ปริญญ์” กับ “สุชัชวีร์” ยกคำจากเรื่องรามเกียรติ์ ถึงชั่วก็ชั่วแต่ตัวยักษ์ สุริยวงศ์พงศ์ศักดิ์หาชั่วไม่
วันนี้ (17 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีที่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ถูกข้อกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ จนเป็นคดีความ และอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น ก็เป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา จะต้องนำพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี และในขณะเดียวกัน ผู้กล่าวหาก็จะต้องนำพยานหลักฐานมายืนยัน การกระทำผิดของผู้ถูกกล่าวหาด้วย ซึ่งตามหลักการในทางคดีอาญา ทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องนำพยานหลักฐานมาต่อสู้กันในศาล ซึ่งเรื่องนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ย่อมส่งผลกระทบมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่มากก็น้อย เพราะมีขบวนการฉวยโอกาสจ้องทำลายพรรคประชาธิปัตย์เป็นหลัก โดยไม่แยกแยะว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นพฤฒิกรรมส่วนตัว แต่ก็ยังมีความพยายามเชื่อมโยงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ ซึ่งพรรคก็ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ เพราะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ก็ได้แสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว ว่า “เราจะไม่เข้าไปปกป้องใคร และจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ในเรื่องของการดำเนินคดี ขอให้ทุกฝ่ายได้รับความมั่นใจได้”
จึงไม่อยากจะให้กลุ่มบุคคลใด มากล่าวหาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้รับความเสียหาย โดยความมีอคติต่อพรรคมากกว่าข้อเท็จจริง ยิ่งอยู่ในห้วงเวลาการรณรงค์หาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ด้วย ก็จะมีทั้งพรรคคู่แข่งที่ต้องทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์ และมีผู้สมัครจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการทำลายคะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหวังให้คะแนนของพรรคเทไปให้กับตัวเอง
ส่วนตัวหวังว่า กรณีดังกล่าว จะไม่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ของพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอเป็นกำลังใจกับพี่เอ้ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และผู้สมัคร ส.ก.ทุกคน ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งต่อไป สังคมควรจะแยกแยะให้ได้ ระหว่างผู้ถูกกล่าวหา คือ นายปริญญ์ กับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ดร.สุชัชวีร์ ว่าเป็นคนละคนกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน เหมือนกับคำกล่าวในเรื่องรามเกียรติ์ ที่ว่า ”ถึงจะชั่วก็ชั่วแต่ตัวยักษ์ สุริยวงศ์พงศ์ศักดิ์หาชั่วไม่”