โฆษกรัฐบาล เผย ผู้ประกอบการรถ EV ขอบคุณนายกฯ ออกมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV ยืนยันรัฐบาลเร่งพลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจทั้งระบบ เล็งผลักดันการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางผลิตรถ EV ภูมิภาคอาเซียน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามบรรยากาศการจัดงานบางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ครั้งที่ 43 (Motor Show 2022) หรือ งานมอเตอร์โชว์ ณ เมืองทองธานี พร้อมรับทราบความคืบหน้าการจัดแสดงอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปี 2565 เริ่มกลับมาตั้งหลักและฟื้นตัวอีกครั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่เริ่มคลี่คลาย ยืนยันภาครัฐเร่งพลิกฟื้นภาคเศรษฐกิจทั้งระบบ เล็งออกมาตรการส่งเสริมรอบด้านเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมรถ EV ในประเทศให้มากยิ่งขึ้น พร้อมชูจุดเด่นด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวแทนผู้ประกอบการยานยนต์พึงพอใจต่อมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่เพิ่งประกาศล่าสุด เช่น มาตรการลดภาษีการนำเข้าของผู้ประกอบการ และลดภาษีสรรพสามิต รวมถึงการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่จะเป็นการกระตุ้นตลาดให้รถไฟฟ้ามีราคาที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค ซึ่งจากข้อมูลสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) คาดการณ์ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะมีปัจจัยบวกสนับสนุนในหลายส่วน รวมทั้งกระแสยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่กำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้เข้ามาตอบโจทย์การลดภาวะโลกร้อน มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และในปัจจุบันประเทศต่าง ๆ หันมาส่งเสริมการใช้รถ EV มากขึ้น ล่าสุด รัฐบาลไทยได้ผ่านร่างมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) กำหนดนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub) งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ที่จัดขึ้นจึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และนับเป็นงานแสดงรถยนต์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะนี้มีสองค่ายรถยนต์เข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV ของรัฐบาล พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษตามมาตรการภาครัฐ ได้แก่ ค่ายเกรท วอล มอเตอร์ และค่ายเอ็มจี ที่มีรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมจำหน่าย รวม 2,000 คัน
ด้านตัวแทนผู้ประกอบการยานยนต์ นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ ค่ายเกรท วอล มอเตอร์ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ ในฐานะผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะสนองนโยบายเพื่อส่งเสริมการใช้รถ EV ของรัฐบาล โดยเกรทวอลฯ มีความพร้อมในการจำหน่ายรถ EV ในงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งขณะนี้คนไทยมีความตื่นตัวต่อการใช้รถ EV มากขึ้น และสามารถตัดสินใจเลือกใช้รถ EV ได้เร็วขึ้นจากมาตรการสนับสนุนที่ภาครัฐปล่อยออกมา เนื่องจากนโยบายส่งเสริมที่รัฐบาลออกมานับเป็นความคุ้มค่าเป็นอย่างมากที่จะตัดสินใจซื้อรถ EV เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในช่วงน้ำมันแพง การใช้รถ EV จึงนับเป็นความคุ้มค่าและเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐมองระยะยาวของการใช้รถ EV ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสร้างอุปสงค์ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้าในอีก 2 ปีตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลจึงนับเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้คนไทยสามารถใช้รถ EV ได้ง่ายขึ้น มีรุ่นต่างๆ หลากหลายขึ้น ซึ่งมองว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสู่กลุ่มประเทศอาเซียน และแม้ว่ารถ EV จะมีราคาสูง แต่จากนโยบายของรัฐบาลทำให้ราคาลดลง จึงทำให้ประชาชนให้ความสนใจสั่งจองในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยเชื่อมั่นว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา ทั้งนี้ เมื่อประชาชนตื่นตัวหันมาให้ความสนใจใช้รถ EV มากขึ้นแล้ว รัฐบาลก็ควรพัฒนาเพิ่มสถานีชาร์จเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถ EV ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชน
ขณะที่ นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ค่ายเอ็มจี กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้การใช้รถ EV ในประเทศไทยมีความเป็นไปได้มากขึ้น จากการที่ภาครัฐได้ออกมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านสิทธิประโยชน์และภาษีของรถ EV นั้น ส่งผลให้งานมอเตอร์โชว์ปีนี้มีประชาชนให้การตอบรับและสนใจเข้าชมพร้อมลงทะเบียนทดลองขับรถ EV เป็นจำนวนมาก ในฐานะผู้ประกอบการมีความพึงพอใจต่อมาตรการของภาครัฐที่ออกมาเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการนั้น ทำให้สามารถจัดโปรโมชั่นและแคมเปญพิเศษช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อและเข้าถึงรถ EV ได้มากขึ้น นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะในขณะนี้ที่สถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์ในวงกว้าง การหันมาใช้รถ EV จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับประชาชน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ประกอบการมีความพร้อมในการเป็นกำลังผลิต และมั่นใจที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ของภูมิภาคอาเซียน ยืนยันในประสิทธิภาพด้านความคุ้มค่าและความปลอดภัยของรถ EV และอยากให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม รวมทั้งควรติดตั้งสถานีชาร์จให้มีมากขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชนในอนาคต
“รัฐบาลมีความมั่นใจในความสามารถของคนไทยที่มีศักยภาพ มีบุคลากรที่มีทักษะเชี่ยวชาญสูง มีประสบการณ์ ความชำนาญในการประกอบและผลิตรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากลมาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายเพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้มองการขยายช่องทางสู่ตลาดยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงจะมีการประเมินสถานการณ์และนโยบายการสนับสนุนการใช้รถ EV ของประเทศเพื่อนบ้าน และมีแผนออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV ของภูมิภาคอาเซียนให้ได้ ขณะที่ก็มีเป้าหมายชัดเจนในการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานรถ EV อย่างเป็นรูปธรรม โดยรัฐบาลตั้งเป้าภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไม่น้อยกว่า 360,000 คัน โดยแบ่งเป็นใช้ในประเทศ 260,000 คัน และส่งออก 100,000 คัน นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ได้ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568” นายธนกร กล่าว