นายกรัฐมนตรีมอบหมายกระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ไขปัญการโอนภารกิจ รพ.สต.ให้ท้องถิ่น รับฟังความเห็นรอบด้าน ดำเนินการตามความพร้อม กำชับช่วงการเปลี่ยนผ่านไม่ให้กระทบการดูแลประชาชนช่วงมีโรคระบาด
วันนี้ (24 มี.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่การถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ยังล่าช้าเนื่องจากติดปัญหาหลายประการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบหมายกระทรวงสาธารณสุขเร่งพิจารณาแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ยังเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในแต่ละพื้นที่ในการกำหนดนโยบายในการดูแลตนเอง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจให้หลายภารกิจโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ไปอยู่ในความดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งส่วนการโอนภารกิจของ รพ.สต. นั้น รัฐบาลได้มีการออกประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่องหลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีผลบังคับมาตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2564 เพื่อกำหนดแนวทางการถ่ายโอนภารกิจ ทั้งในด้านงบประมาณ กำลังคน การบริหารจัดการให้มีความชัดเจน และให้ดำเนินการตามความพร้อมของแต่พื้นที่
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข้อกังวลต่อการดำเนินการตามประกาศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตีความกฎหมาย การบริหารงบประมาณและบุคลากร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจน โดยพิจารณาถึงความพร้อมของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางการแยกดำเนินการโอนภารกิจสำหรับจังหวัดที่มีความพร้อมก่อน ซึ่งขณะนี้ก็มี รพ.สต. เกือบ 70 แห่งทั่วประเทศที่ได้โอนภารกิจไปอยู่ในการดูแลของท้องถิ่นแล้ว เพราะหากมีการชะลอการโอนภารกิจทั้งหมดไว้ เนื่องจาก รพ.สต. ส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม จะกระทบไปถึง รพ.สต.และท้องถิ่นที่มีความพร้อมไปด้วย
“นายกรัฐมนตรีให้กระทรวงสาธารณสุขรับฟังข้อคิดเห็นของฝ่ายที่มีข้อกังวลไปประกอบการกำหนดแนวทางการโอนภารกิจ รพ.สต. อย่างรอบด้าน โดยยึดประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชนเป็นที่ตั้ง รวมถึงดูแลไม่ให้การเปลี่ยนผ่านกระทบภารกิจการดูแลประชาชนโดยเฉพาะช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจาก รพ.สต.เป็นหน่วยพยาบาลที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว