“สุชาติ” รับหนังสือผู้เลี้ยงหมูฉะเชิงเทรา ทวงถาม รบ.เยียวยาเหตุ ASF ระบาด ฝากหน่วยงานรัฐสางปมหลักเกณฑ์เยียวยา หลังกระบวนการแจ้งเหตุติดขัด เกรงไม่ครอบคลุมผู้ที่เดือดร้อนทั้งหมด
วันนี้ (22 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่อาคารรัฐสภา กลุ่มผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นำโดย นายเสน่ห์ นัยเนตร ประธานกรรมการสหกรณ์ปศุสัตว์และสัตว์น้ำฉะเชิงเทรา จำกัด ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เพื่อติดตามกรณีที่เคยขอยื่นหนังสือขอให้ช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย รายเล็ก รายกลาง ที่ประสบปัญหาโรคระบาดอหิวาห์แอฟริกาหมู (ASF) ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่เคยยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎร มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 65
โดย นายเสน่ห์ กล่าวว่า วันนี้มาติดตามทวงถามความคืบหน้า และเร่งรัดให้รัฐบาลช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ได้เดือดร้อนจากการระบาดของโรค ASF พร้อมนำเสนอข้อเรียกร้อง 3 เรื่อง เพื่อชดเชยความเสียหาย และการฟื้นฟูอาชีพการเลี้ยงสุกรโดยเร็ว คือ 1. การชดเชย เยียวยาให้กับสมาชิกสหกรณ์ 38 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 139 ล้านบาท 2. ฟื้นฟูอาชีพเลี้ยงสุกร โดยรัฐจัดหาแหล่งเงินทุนเป็นโครงการสินเชื่อพิเศษปลอดดอกเบี้ย ที่ไม่ผ่านธนาคารรัฐ วงเงิน 100 ล้านบาท และ 3. ส่งเสริมและสนับสนุนให้สหกรณ์ฯมีศูนย์วิจัยโรคระบาด และวินิจฉัยโรคได้ทันสถานการณ์
ด้าน นายสุชาติ กล่าวเสริมว่า รับทราบถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย และก่อนหน้านี้ได้ร่วมผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเพื่อพิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของโรค AFS ซึ่งขณะนี้ก็ทราบว่า ใกล้ได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ดี ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาความเป็นได้ในการจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย รวมถึงฟื้นฟูอาชีพอย่างเร่งด่วน หลังจากสุกรล้มตาย และต้องสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก เกษตรกรบางรายประสบปัญหาสิ้นเนื้อประดาตัว รวมทั้งการวางแนวทางป้องกันปัญหาที่ตะเกิดขึ้นในอนาคต
“ทั้งนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ชดเชยเยียวยาที่อาจไม่ครอบคลุมความเดือดร้อนของเกษตรกรทั้งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพราะทราบว่ามีปัญหาในกระะบวนการแจ้งการพบโรคระบาดในพื้นที่ระหว่างเกษตรกรกับหน่วยงานราชการ” นายสุชาติ ระบุ
ด้าน นายไพรินทร์ หนูมาก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ฉะเชิงเทรา ในฐานะคณะทำงานด้านการเมืองของรองประธานสภาฯ ตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ว่า สืบเนื่องจาก ปี 2562 เมื่อเกิดโรคระบาด ASF ขึ้น สุกรเริ่มตาย เกษตรกรเข้าใจว่าเป็นครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นโรคระบบทางเดินหายใจสุกร (PRRS) แต่ภายหลังพบว่าไม่ใช่โรค PRRS แต่เป็นโรค ASF ที่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ทางเจ้าหน้าที่กลับไม่รับแจ้ง โดยให้เหตุผลว่าขณะนั้นยังไม่มีโรค ASF ในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้เกษตรกรที่ไม่ได้แจ้งอาจจะไม่เข้าหลักเกณฑ์การได้รับเงินชดเชย แต่ก็พบกรณีการเลือกปฏิบัติจ่ายเงินเยียวยาให้แก่เกษตรกรในบางพื้นที่ของ จ.ฉะเชิงเทรา จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานราชการดำเนินการให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้การชดเชยเยียวยาครอบคลุมเกษตรกรที่เดือดร้อนจากการระบาดโรค ASF ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยังได้ยื่นหนังสือต่อ นายวีระกร คำประกอบ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชน จากปัญหาราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ปรับตัวสูงขึ้น สภาผู้แทนราษฎร และตัวแทนคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ด้วย
ทั้งนี้ นายวีระกร แจ้งว่า ขณะนี้ กมธ.ได้ประชุมใกล้แล้วเสร็จ และเบื้องต้นได้มีมติถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่จะเสนอต่อรัฐบาลใน 6 ประเด็น อาทิ การจัดหาเงินทุนดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปี, การชดเชยความเสียหายให้เกษตรกรที่เลี้ยงสุกร ไม่เกิน 50 ตัว จำนวน 2.5 แสนบาท และอาจจะขยายไปถึงเกษตรกรที่เลี้ยงมากกว่านั้น, การจัดหาลูกสุกร น้ำหนักไม่เกิน 16 กิโลกรัม ในราคา 2,000 บาท รวมถึงแม่พันธุ์ให้กับเกษตรกร, การสำรวจและตรวจสอบนวามปลอดภัยพื้นที่เลี้ยงสุกร พร้อมให้คำแนะนำการทำโรงเรือนรูปแบบใหม่, การอบรมอาสาปศุสัตว์ และเกษตรกรรายย่อย รวมถึงมาตรการช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์ เป็นต้น