“เทพไท” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ฟันธง เปิดกาสิโน กมธ.ผ่านฉลุย เตือน ระวังตกม้าตายในขั้นทำประชามติ
วันนี้ (19 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้ และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้า และการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ว่า ได้เชิญ ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ นักวิจัยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มานำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ โดยมีข้อสรุปและข้อสังเกต ถึงสภาพปัญหาการจัดตั้งสถานบันเทิงแบบครบวงจร ใน 3 ประเด็น คือ
1. ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในอาเซียนมีกาสิโนจำนวนที่เยอะมาก รวมแล้วเกือบ 400 แห่ง ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ มีแค่ 3 ประเทศเท่านั้น ที่ไม่มีกาสิโน คือ บรูไน อินโดนีเซีย และ ไทย จุดร่วมที่มีเหมือนกัน หนีไม่พ้นต้องการดูดเงินชาวต่างชาติ เสียยิ่งกว่าการป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่ยอมให้คนสัญชาติตัวเอง เข้าเล่นได้โดยปราศจากเงื่อนไขควบคุม ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ติมอร์เลสเต
2. แนวโน้มที่ได้เห็นชัดเจน คือ จำนวนกาสิโน ทั้ง 7 ประเทศในอาเซียน ที่ยอมรับให้กาสิโนถูกกฎหมายลดลง ทั้งจากมาตรการทางกฎหมายที่ต้องการจัดระเบียบธุรกิจพวกนี้ เช่น เมียนมานโยบายจำกัดจำนวนโดยรัฐ ซึ่งมีอยู่แล้ว เช่น สิงคโปร์ รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จากสถานการณ์โควดิ โดยเฉพาะกัมพูชา
3. ต้นแบบการสร้างแหล่งบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดนักพนันต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน อาจไมใ่ช่สูตรสำเร็จในการแสวงหารายได้เข้าประเทศง่ายๆ อีกแล้ว เนื่องด้วยปัจจัยจากจีน ประกอบกับในภูมิภาคมีภาวการณ์แข่งขันกันเองของธุรกิจกลุ่มนี้สูง
สำหรับความเห็นของตัวแทนสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นว่า การอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ไม่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ จึงไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด และหลักการจะพิจารณาเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร นอกจากจะคำนึงถึงรายได้เข้าประเทศแล้ว จะต้องคำนึงถึงผลกระทบในด้านสังคมด้วย ว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่
ส่วนตัวเห็นว่า การเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ตอนนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกัน 2 กลุ่ม คือ มีทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้าน หากนำเรื่องนี้ไปทำประชามติ ไม่มั่นใจว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าใช้มติของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ตัดสิน เชื่อว่า เสียงส่วนใหญ่สนับสนุน ให้มีการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องในระดับนโยบาย ที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป