xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.อานนท์” แฉ “FCCT” แหล่งรวมนักข่าวต่างชาติล้มเจ้า “กษิต” เดือด! ท้าชก “ปิยบุตร” โดนด่าเละ โหน “ลิซ่า” เฉย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ดร.อานนท์” แฉ “FCCT” แหล่งรวมนักข่าวต่างชาติล้มเจ้า ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
จริงหรือไม่? ดร.อานนท์ ชำแหละเละ FCCT แหล่งรวมนักข่าวต่างชาติ “ล้มเจ้า” “กษิต ภิรมย์” ท้าชก หลังถูกโห่ เมื่อพูดถึง “นาโต” ต้นเหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน ด่าเช็ด “ปิยบุตร” ดึง “ลิซ่า” เป็นเครื่องมือ “เล่นการเมือง” กับ รบ.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ดร.อานนท์ ชำแหละเละ FCCT แหล่งรวมนักข่าวต่างชาติล้มเจ้า หลัง “กษิต ภิรมย์” ท้าชก

โดยระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) จัดงานเสวนาพูดคุยถึงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เมื่อถึงคิวการพูดของ นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูตไทยกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย อดีตเอกอัครราชทูตไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

โดยนายกษิตไม่ได้เข้าข้างสหรัฐฯ และตำหนินาโตที่รุกคืบขยายอำนาจไปยังยูเครน พร้อมถามกลับว่า หากรัสเซียไปตั้งฐานทัพใกล้กับพรหมแดนสหรัฐฯ เช่น ที่แคนาดา เม็กซิโก สหรัฐฯก็คงไม่พอใจ

อีกทั้งนายกษิตเห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงกับรัสเซีย หรือการส่งอาวุธให้ยูเครน จะทำให้รัสเซียยอมแพ้นั้น จะไม่ได้ผล เพราะในประวัติศาสตร์รัสเซียก็เคยถูกโจมตี ก็ไม่สามารถเอาชนะรัสเซียได้ ซึ่งความเห็นของนายกษิต ทำให้นักข่าวต่างประเทศบางส่วนไม่พอใจ โห่ร้องใส่นายกษิต ทำให้นายกษิตบอกกับนักข่าวคนดังกล่าว ว่า ไปต่อยกันนอกห้อง

ภาพ นายกษิต ภิรมย์ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว พร้อมทั้งออกมาแฉว่า

“FCCT เป็นแหล่งรวมนักข่าวร่านล้มเจ้า โปรอเมริกาและชาติตะวันตก อย่าแปลกใจครับ
เนรเทศตัวเลวๆ ออกไปบ้าง ไม่ต่อ work permit ให้บ้างก็ดีนะครับ
กต. กับ กระทรวงแรงงาน และ สตช. ต้องช่วยกันคิดครับ

พี่ห้าวเป้งมากค่ะ
เมื่อคืนที่ผ่านมา ณ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) อาคารมณียา
เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เมื่อนักข่าวและชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งโห่ร้อง “เฮียอั๊ม” กษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตประจำรัสเซีย ระหว่างอภิปรายให้ความเห็นเกี่ยวกับสงครามที่ยูเครน

ภาพ โพสต์ ดร.อานนท์ แฉ FCCT ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
โดยกษิตได้ท้าผู้ตะโกนคนหนึ่งให้ออกไปต่อยกันนอกห้อง

กลุ่มนักข่าวเกิดความไม่พอใจ ก็ช่วงที่กษิตกล่าวว่า NATO เป็นต้นเหตุของสงคราม, ผิด “สัญญา” ที่ให้ไว้, Biden “uncivilized” ฯลฯ
(สำนักข่าวหงวน จัดให้)

ขณะเดียวกัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ปิยบุตร” โดนกระหน่ำด่าเละเทะ หลังดึง “ลิซ่า” มาเป็นเครื่องมือเล่นการเมือง

เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่มีประเด็นสุดร้อนแรงเมื่อ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า ไอดอลสาวชาวไทย สมาชิกวง Blackpink ได้ไปเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังยี่ห้อหนึ่ง จนกลายเป็นกระแสให้กลุ่มสนับสนุนผู้ชุมนุมนำมาโยงโจมตีรัฐบาล

ภาพ “ปิยบุตร” โหน “ลิซ่า” เล่นการเมือง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ต่อมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นดังกล่าวในหัวข้อ “ปัญหากฎหมายห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชี้ยิ่งเอื้อทุนใหญ่ผูกขาด-ปิดโอกาสผู้ประกอบการรายย่อยเติบโต” โดยใช้ภาพประกอบเป็น ลิซ่า ถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมข้อความว่า “สุดปัง! ลิซ่า โฆษณาเหล้า แต่พวกเราทำแล้วโดนจับ จากกฎหมายเจ้าปัญหา”

เนื้อหาโดยรวม นายปิยบุตร พยายามพูดถึง มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีปัญหา 3 อย่าง คือ 1. เป็นมาตราที่จำกัดสิทธิเสรีภาพเกินกว่าเหตุ 2. โทษสูงกว่าที่ควรจะเป็น และ 3. เปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติ

นอกจากนี้ นายปิยบุตร ยังมองว่า การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คนต้นคิดของการออกแบบกฎหมายแบบนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่อยากจะเพิ่มโทษให้หนักขึ้น พวกเขาคงมองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แค่มิติเดียว คือ เป็นสิ่งที่มอมเมา ทำให้เสียสติ ทำให้เสียสุขภาพ โดยไม่ได้มองมิติทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเรื่องทลายทุนผูกขาดในประเทศนี้เลย

เพราะถ้ามองในมิติของการทลายทุนผูกขาด การให้โฆษณาจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาได้ เพราะรายใหญ่นั้นคนรู้จักอยู่แล้ว ผลิตตัวใหม่มาก็มีช่องทางทำให้คนรู้จักได้ไม่ยาก แต่รายเล็กซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้หวังรวยจากการทำธุรกิจนี้ แต่ทำเพราะชอบ กลับโฆษณาไม่ได้ ทำให้คนไม่รู้จัก ก็เกิดการผูกขาดต่อไป

ยังมีในมิติเรื่องทางวัฒนธรรม ประเทศไทยมีวัตถุดิบหลากหลายที่นำมาทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ขายในเรื่องการท่องเที่ยวได้ อย่างในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ก็ทำเรื่องนี้เต็มไปหมด และอีกมิติคือเรื่องของชุมชน ที่การรวมกลุ่มคนในชุมชนจะสามารถทำเรื่องนี้ได้ผ่านการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนเอง

ดังนั้น ผมอยากเชิญชวน ให้มองมิติที่กว้างขึ้น แล้วหาทางสมดุล การห้ามด้วยวิธีออกกฎหมายวิธีเดียวนั้นไม่ได้ เพราะความเสียหายที่ตามมานั้นมหาศาล

หลังจากนั้น ได้มีประชาชนจำนวนมาก ต่างเกิดความไม่พอใจ ที่ทางด้านของ นายปิยบุตร พยายามโหนความมีชื่อเสียงของ ลิซ่า มาเป็นกระบอกเสียงทางการเมืองเพื่อสนับสนุนแนวคิดตนเอง เช่น “กฎหมายของคนละประเทศ ย้ำว่า เป็นกฎหมายของคนละประเทศ จะเอาลิซ่ามาโพสต์เพื่ออะไร”, “คนอื่นมีให้โหน แต่ โหนคนนี้ดีกว่า โถ่ อีปิ อยู่เมืองนอกเห่าเปนหมา อยู่เมืองไทย เงียบเป่าสาก ถถถถถถ ขอบคุณทุกคอมเม้น ที่เข้ามาด่า”, “มีคนบอกว่าไอ้บูดแค่เอาน้องมายกตัวอย่าง การยกตัวอย่างมันก็คือการเอาน้องมาโหนนี่ล่ะ แถกันเก่งเรื่องคำเนี่ย 5555”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การแฉ FCCT ของ ดร.อานนท์ ว่า เป็นแหล่งรวมของนักข่าวต่างชาติล้มเจ้านั้น มีเหตุผลหรือไม่

กรณีที่น่าย้อนให้เห็น ก็คือ แถลงการณ์ของ FCCT ต่อกรณีถูก คสช.สั่งห้ามจัดเสวนา เกี่ยวกับ ม.112(กฎหมายว่าด้วยเรื่องหมิ่นสถาบันฯ)

กล่าวคือ เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย. 58 สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจที่ถูกยกเลิกงานเสวนาเรื่องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือ มาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่งด้วยวาจาผ่านทางตำรวจให้ยกเลิก โดยทางสมาคมฯ แย้งว่าการเสวนาดังกล่าว จะเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์...

ที่น่าสนใจก็คือ กรณีกล่าวว่า “ที่ผ่านมา สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ได้จัดงานเสวนาเรื่องมาตรา 112 มาแล้วหลายครั้ง และมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นพื้นที่ให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี อย่างต่อเนื่องมา นับตั้งแต่การรัฐประหารในปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราได้จัดการเสวนาในหัวข้อที่หลากหลาย ซึ่งในบางรายการทางเจ้าหน้าที่ทหารเองยังได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการให้ข้อมูลถึงแผนการนำพาประเทศ”...

นี่คือ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า เรื่อง ม.112 เป็นกิจกรรมที่ FCCT เน้นหนัก ยิ่งกว่านั้น ยังเคยมีการเชิญ ดร.อานนท์ และ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ซึ่งทั้งสองคน มีแนวคิดปกป้องสถาบันฯ ไปร่วม “ดีเบต” เรื่องนี้ด้วย

ประเด็นที่น่าคิดก็คือ “ม.112” เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่มีคนบางกลุ่ม(ส่วนน้อย)ในประเทศไทย (ขบวนการสามนิ้ว, ม็อบสามนิ้ว, กลุ่มล้มเจ้า) พยายามเสนอให้ “ปฏิรูปสถาบันฯ” และยกเลิก ม.112 ซึ่งในสายตาของคนไทยส่วนใหญ่ มองว่า เป็นการไม่สมควร และมีความจงรักภักดีอย่างสูง

แต่ทำไม สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง จึงให้ความสนใจอย่างสูง จนดูเหมือนวาระแห่งสโมสรฯเลยทีเดียว

ประเด็นที่ ดร.อานนท์ ออกมาแฉ จึงทำให้น่าคิดตามไปด้วย หรือใครว่าอย่างไร?


กำลังโหลดความคิดเห็น