“ประวิตร” ถก ติดตามแก้ปัญหาข้อเรียกร้อง “สมัชชาคนจน” มุ่งขจัดความเดือดร้อนให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว ภายใต้ กม.ที่เป็นธรรม เน้นสร้างการรับรู้ มีส่วนร่วม รัฐบาลจริงใจช่วยทุกกลุ่ม อย่างเต็มที่
วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบ VDO CONFERENCE ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ/คณะทำงานภายใต้คำสั่ง คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามข้อเรียกร้องที่ผ่านมา อาทิ กรณีผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อน ฝายและอ่างเก็บน้ำ, กรณีการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนเชื่อม นครพนม-คำม่วน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม, กรณีที่ราชพัสดุหนองน้ำขุ่น อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และกรณีปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐในการฟื้นฟู ศก.ชุมชนชนบทของสมัชชาคนจน รวมถึงแผนปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลน อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี และการยกเลิกโครงการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ จ.ชุมพร และเขื่อนแก่งเสือเต้น จ.แพร่ เป็นต้น ซึ่ง
พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงาน และกรอบเวลาให้ได้ข้อยุติ พร้อมรายงานให้คณะกรรมการทราบทุกเดือน
จากนั้น คณะกรรมการได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งให้ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการประสานงาน เร่งรัด ติดตามการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน และเห็นชอบการออกโฉนดที่ดิน กรณี พ.ร.ฎ.กำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน ทับที่ทำกินของราษฎร อ.ปากน้ำโพ, อ.พยุหคีรี และ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ เห็นชอบจัดหาที่ดินโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จ.ชัยภูมิ เห็นชอบให้จ่ายค่าชดเชย กรณีโรงเรียนหนองขุนศรีวิทยา จ.สุรินทร์ ก่อสร้างทับที่ดินราษฎร, เห็นชอบให้จัดหาที่ดินทำกินให้ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนพื้นป่า กรณีป่าสงวนแห่งชาติ ดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งเห็นชอบให้สมาชิกสมัชชาคนจน สามารถตัดโค่นไม้ยางพาราที่หมดสภาพ เพื่อปลูกใหม่ และเข้าถึงสิทธิกองทุนสงเคราะห์สวนยางพาราได้ในพื้นที่ จ.ตรัง, จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช
พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ กระทรวงต่างๆ, จังหวัด และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญเร่งด่วน ต่อปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสมัชชาคนจนที่กำลังประสพปัญหาและต้องร่วมกันอย่างเต็มกำลังในการแก้ไขให้ได้ข้อยุติโดยเร็วที่สุด สำหรับปัญหาที่ต้องใช้เวลา ขอให้มีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่จะตามมา ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยัน พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม ภายใต้ กม.ที่เป็นธรรมโดยยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีเป้าหมายร่วมกัน คือ อยู่ดีกินดี มีความสุข อย่างยั่งยืน