xs
xsm
sm
md
lg

ซูเปอร์โพลเผย ปชช.ยังขาดและต้องการที่ดินทำกิน หวัง รบ.นำรูปแบบ-ตัวอย่างความสำเร็จกระจายลงทุกพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นพพล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง "ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,105 ตัวอย่าง

เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนยังขาดและต้องการ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.8 ระบุ ที่ดินทำกิน รองลงมา ร้อยละ 43.5 ระบุ รายได้ที่มั่นคง ร้อยละ 28.1 ระบุ ที่อยู่อาศัย ร้อยละ 15.2 ระบุ อาชีพการงาน และร้อยละ 11.5 ระบุ ความรู้ การศึกษาใช้ประโยชน์ได้จริง ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.5 รับรู้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนเป็นรูปธรรมมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 5.5 ระบุ ไม่ทราบ

ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.2 พอใจที่มีการช่วยเหลือประชาชนให้มีที่ดินทำกินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการบริหารจัดการที่ดินในรูปแบบต่างๆ เช่น ในพื้นที่ป่าไม้ ป่าสงวนฯ ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นต้น ร้อยละ 92.7 พอใจที่มีการจัดหาและจัดสรรที่ดินทำกินและแหล่งที่อยู่อาศัยให้ชุมชนและประชาชนอย่างถูกกฎหมาย ร้อยละ 91.8 พอใจที่มีคุณภาพชีวิตที่ดินและได้รับคำแนะนำใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจากที่ดินที่ได้รับอย่างเป็นรูปธรรม ร้อยละ 91.5 พอใจที่มีการส่งเสริมอาชีพและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ร้อยละ 90.9 พอใจที่มีรายได้มั่นคงกว่าแต่ก่อนในอดีตที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย และร้อยละ 89.7 พอใจที่มีการจัดตั้งหน่วยงานหลัก รับผิดชอบขับเคลื่อนปัญหาที่ดินทำกิน เช่น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.7 ยังต้องการทุนเพิ่มจากแหล่งทุนในการพัฒนาที่ดินและอาชีพ และร้อยละ 93.8 ต้องการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ในขณะที่ร้อยละ 85.7 ต้องการให้เร่งขยายพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จ เพื่อกระจายการถือครองและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเป็นธรรมให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็ว

ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาที่ดินทำกินและการใช้ประโยชน์มีความสำคัญ โดยพบว่าประชาชนยังขาดและมีความต้องการที่ดินทำกิน ในขณะที่รัฐต้องการให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินทำกินสูงสุด โดยไม่รุกล้ำพื้นที่สงวนตามกฎหมาย โดยส่วนใหญ่รับรู้ว่ารัฐบาลจริงจังและให้ความสำคัญแก้ปัญหาที่ดินทำกิจของประชาชนเป็นรูปธรรมมากกว่าอดีตที่ผ่านมา และพอใจต่อการแก้ปัญหาและรูปแบบการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนจากที่ดินของรัฐ โดยทราบถึงการจัดตั้งหน่วยงานหลักขึ้นรับผิดชอบขับเคลื่อน และจัดทำต้นแบบการกระจายใช้ประโยชน์ที่ดินในรูปแบบต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ได้รับประโยชน์แล้วและที่ยังขาดโอกาส ต้องการให้รัฐบาลเร่งนำรูปแบบและตัวอย่างความสำเร็จกระจายลงในทุกพื้นที่ในแต่ละภาคที่ยังมีปัญหาโดยเร็ว และที่น่าสนใจ คือ ยังต้องการแหล่งทุนเพิ่มในการพัฒนาพื้นที่ การส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด เพื่อให้เข้มแข็ง สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตนเองในลักษณะวิสาหกิจชุมชน บนหลักพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียง สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน