เสื่อมเอง? “สามกีบ” โหน “คดีแตงโม” โยงมั่ว “โรเบิร์ต” ใกล้ชิดสถาบันฯ “บิ๊กป้อม” การันตีไม่มีตอ “ตำรวจใหญ่”

ทำสังคมสับสนจนได้! “สามกีบ” โยงมั่ว “โรเบิร์ต” 1 ในพยานคดีแตงโม ใกล้ชิดสถาบันฯ? โซเชียลซัดมโนหนักมาก “บิ๊กป้อม-วิษณุ” การันตี ตร.ยึดพยานหลักฐาน หลัง “กลุ่มเพื่อนแตงโม” โดนแฉ สนิทตำรวจชั้นผู้ใหญ่

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น โยงมั่วทุกเรื่อง! โซเชียลซัดสามกีบมโน โยง “โรเบิร์ต” 1 ในพยาน ใกล้ชิดสถาบันฯ?

โดยระบุว่า ยังคงเป็นประเด็นให้สังคมติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับคดีของ แตงโม นิดา ดาราชื่อดังที่พลัดตกเรือ จนสุดท้ายเจ้าตัวเสียชีวิต ทั้งนี้ มีสมาชิก 4 คนบนเรือ ได้มาเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีการเข้าไปกราบขมาคุณแม่ของแตงโม เพื่อให้อภัยกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกบนเรือ ประกอบไปด้วย 5 คน คือ “ปอ” ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์, “จ๊อบ” นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร, “กระติก” อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม “แซน” วิศาพัช มโนมัยรัตน์ และ “โรเบิร์ต” ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์


ที่ผ่านมา มีกระแสสังคมตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น เช่น ทำไม โรเบิร์ต ไม่ได้มาร่วมรายการโหนกระแส สื่อไม่กล้าแตะไปยังโรเบิร์ต เหมือนไม่มีเขาอยู่ในเหตุการณ์ และลามหนักไปถึงม็อบ 3 นิ้ว ที่โยงว่าเบื้องหลังของโรเบิร์ต มีคนหนุนหลังเป็นแบ็กให้อย่างดี รวมถึงพาดพิงสถาบันฯด้วย

ล่าสุด นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุว่า “ตำรวจไม่กล้าแตะโรเบิร์ต หนึ่งในหนุ่มที่อยู่บนเรือกับแตงโม เพราะโรเบิร์ตมีความสัมพันธ์กับสถาบันฯ อีกแล้วครับท่าน โยงได้ทุกเรื่อง”

โรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ มีรายชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทอย่างน้อย 11 แห่ง ยังดำเนินกิจการอยู่ 9 แห่ง ขอยกตัวอย่างเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามกีบอ้างว่า อยู่เบื้องหลังของระบบที่สำคัญของ SCB และ Grand Royal Palace อันหมายถึง พระบรมมหาราชวัง ซึ่งคงมุ่งเป้าบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ตามเคย

1. แต่พระบรมมหาราชวัง เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “The Royal Grand Palace”

ไม่ใช่ “ Grand Royal Palace” จะสร้างเรื่องโกหกก็ผิดตั้งแต่ชื่อแล้ว นอกจากนี้ ยังแสดงว่า คนที่สร้างเรื่องนี้เป็นคนที่ไร้การศึกษา

2. พระบรมมหาราชวัง คือ บ้าน ไม่ใช่บริษัทที่ประกอบธุรกิจ แต่บริษัทของโรเบิร์ต ทำธุรกิจระบบการส่ง Email Marketing แล้วบริษัทนี้ของโรเบิร์ตไปอยู่เบื้องหลังของระบบที่สำคัญในพระบรมมหาราชวัง หรือบ้านหลังเก่า ที่ในหลวงไม่ได้ประทับมา 2 รัชกาลแล้ว เพื่ออะไร

3. SCB เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของในหลวง ที่จะมีใครสั่งให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ กลับไปเรียนเรื่องเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์มาใหม่ไอ้หนู

นายไพบูลย์ หรือ “โรเบิร์ต” มีตำแหน่งเป็น CEO & Founder ของบริษัท Orisma Technology ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ “Taximail” ระบบการส่ง Email Marketing ชั้นนำของประเทศไทย บริษัท โอริสมา เทคโนโลยี จำกัด ทำธุรกิจการขายส่งคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ ปัจจุบันไม่มีชื่อของโรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ เป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้น บริษัท แท็กซี่เมล จำกัด ประกอบธุรกิจกิจกรรมการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์อื่นๆ ปี 2563 รายได้รวม 23,978,514 บาท **กำไรสุทธิ 2,435,221 บาท เห็นรายได้กับกำไรของบริษัท แท็กซี่เมล ไหม มันแสดงว่าเป็นบริษัทเล็กๆ เท่านั้น

บริษัท รวยคูณ จำกัด ประกอบธุรกิจให้เช่าโปรแกรมและวางแผนการเงินส่วนบุคคลสำเร็จรูป ปี 2563 มีรายได้รวม 503,843 บาท ขาดทุนสุทธิ 387,045 บาท บริษัท ออโต้อินเลิฟ จำกัด ประกอบธุรกิจบริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ปี 2563 รายได้รวม 261,672 บาท ขาดทุนสุทธิ 2,207,575 บาท

บริษัท ออโต้อินเลิฟ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มีรายได้รวม 261,672 บาท ขาดทุน 2.2 ล้านบาท


สรุป ธุรกิจเล็กๆ ที่มีกำไรเล็กน้อยถึงขาดทุนของโรเบิร์ต ธุรกิจแบบเนี่ย ที่มีอิทธิพลจนใครไม่กล้าแตะโรเบิร์ต ธุรกิจแบบเนี่ย ที่จะถูกอิทธิพลของในหลวงครอบงำจนใครไม่กล้าแตะโรเบิร์ต คนที่เอามาเล่า เรียกชื่อพระบรมมหาราชวัง เป็นภาษาอังกฤษยังผิด ซึ่งบ่งบอกถึงการไร้การศึกษาของผู้พูด ความไม่เข้าว่า พระบรมมหาราชวัง คือ บ้านหลังเก่าที่ไม่มีในหลวงประทับมาเกือบศตวรรษ แต่สามกีบซึ่งอ้างตนเสมอว่า รอบรู้ เพราะเข้าถึงเทคโนโลยีอันทันสมัย เชื่อข้อมูลแบบนี้จากคนแบบนี้ ที่มีแต่เรื่องโกหกมาบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกหน่อยเวลามันสอบตก เมียทิ้ง ตกงาน พ่อแม่มันตายก็คงอ้างว่า เพราะขัดผลประโยชน์กับสถาบันพระมหากษัตริย์แหง่ๆ

ทั้งนี้ ทำให้มีคอมเมนต์ในโลกโซเชียลเห็นด้วยกับนายอัษฎางค์ ว่า พวก 3 นิ้วมักโยงทุกเรื่อง ไปพาดพิงสถาบันฯ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง มีเงินราวๆ 24 ล้าน จะจัดว่าเป็นไฮโซเลยหรอ เพราะว่าเงินเท่านี้ถือว่าน้อย และไม่น่าจะต้องเป็นคนมีอิทธิพล จนตำรวจไม่กล้าแตะ บางมุมก็มองว่า โรเบิร์ตอาจจะไปให้ปากคำ ทำตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้มาปรากฏตัวต่อสื่อ เพราะไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ เหมือนกับสมาชิกทั้ง 4 ที่เป็นเพื่อนกับแตงโม ไม่อยากให้โยงไปไกล เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการสอบสวนอยู่แล้ว ไม่ปล่อยพลาดแน่นอน


ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “บิ๊กป้อม-วิษณุ” เปิดไฟเขียว หลัง “กลุ่มเพื่อนแตงโม” โดนแฉพฤติกรรม สนิทสนมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

เนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีมีกระแสข่าวในโลกโซเชียลต่างพูดถึงในประเด็น กลุ่มเพื่อนแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ต โดยหนึ่งในนั้นมีเส้นสาย และมีความสนิทสนมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พร้อมทั้งได้มีการแฉพฤติกรรม ว่า เคยใช้อาวุธปืนตบหน้ากรรมการต่างชาติ หลังจากที่ตัดสินให้ตนเองแพ้ในการแข่งขันการแข่งรถ รายการหนึ่ง

แต่ผลสุดท้าย กรรมการต่างชาติคนดังกล่าวก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรกับบุคคลนั้นได้ เนื่องจากชายคนดังกล่าวพาผู้ใหญ่เข้ามาช่วยเคลียร์ จึงทำให้ประชาชนที่ได้รับทราบเรื่อง และเชื่อในข้อมูลดังกล่าว ต่างพากันสงสัยว่า คดีแตงโม จะเจอตอหรือไม่
เรื่องนี้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า

“เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ไม่ต้องห่วงหรอก ตำรวจเขาต้องทำให้ได้เรื่องจริง เเละเป็นเรื่องของนิติวิทยาศาสตร์ที่ต้องตรวจสอบให้ละเอียด ให้เขาทำงานไปตามความเป็นจริง ตามหลักฐานที่ปรากฏ ไม่มีใครทำอะไรได้”

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคดีการเสียชีวิตของ แตงโม-นิดา สามารถนำเข้าเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ว่า

ไม่ทราบ เพราะโดยทั่วไปก็ไม่น่าเข้าหลักเกณฑ์ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งคือคดีที่อยู่ในความสนใจและเกรงว่าจะมีความสลับซับซ้อน ก็อาจจะส่งเรื่องไปเข้าคณะกรรมการสั่งให้เข้าเป็นคดีพิเศษได้

แต่โดยทั่วไปไม่มีอะไรซับซ้อนมาก ส่วนตัวคิดว่าขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนธรรมดา ก็น่าจะพิจารณาได้ โดยใช้หลักคือการใช้ประจักษ์พยาน รวมทั้งพยานในส่วนของนิติวิทยาศาสตร์ พยานจากที่เกิดเหตุแวดล้อม ในทางคดี ซึ่งแค่นี้ก็คิดว่าทางตำรวจคงจะสามารถดำเนินการได้
“มันเป็นเรื่องที่เราไม่รู้เท่านั้นเอง ว่าใครเห็นอะไรอย่างไร ไปสักระยะหนึ่งผมว่าก็คงจะคลี่คลายได้ ส่วนตัวก็ได้ติดตามข่าวบ้างนิดหน่อย ส่วนจะมีการซ่อนเงื่อนอะไรหรือไม่ผมไม่ทราบ” นายวิษณุ กล่าว

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ “ไทยมุง” โดยเฉพาะ “ไทยมุง” ที่ต้องการ “โหนคดีแตงโม” เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อาจทำให้เกิดความสับสนในสังคมได้

เพราะอย่าลืมว่า ปัญหาใหญ่ในสังคมไทยขณะนี้ ยังไม่พ้นการเลือกข้างทางการเมือง การเลือกเชื่อ และรับแต่ข้อมูลที่ออกมาจากฝ่ายที่ตัวเองสนับสนุน โดยอาจละเลยเหตุผลของความจริง และข้อเท็จจริงบางเรื่องถูกบิดเบือน จนกลายเป็นปัญหาตอกย้ำความเกลียดชังในสังคมได้

แม้ว่า พฤติกรรมการโหนกระแสทำร้ายกันทางการเมือง จะทำให้เกิด “ความเสื่อม” กับกลุ่มคนที่พยายามจะโยงมั่วอย่างไม่มีเหตุผลเท่าที่ควรก็ตาม แต่การบิดเบือนและขยายผลเป็นเครื่องมือทางการเมืองก็ถือว่าได้ผลไม่น้อยเช่นกัน

จึงไม่แปลกที่จะมีคนบางกลุ่ม ไม่สนใจว่า จะเกิด “ความเสื่อม” กับขบวนการต่อสู้ของตัวเอง ขออย่างเดียว การได้โยงให้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง ก็พอ กรณีอย่างนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนคนไทยส่วนใหญ่เริ่มชาชินแล้วว่า พวกเขาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงหรือไม่ หรือต่อสู้เพื่ออะไร เพื่อใคร?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโยงมั่ว “คดีแตงโม” ซึ่งเป็นที่สนใจของผู้คนในสังคม พาดพิงสถาบันฯ เป็นตัวอย่างได้ดีที่สุดนั่นเอง