xs
xsm
sm
md
lg

“แอนนา” แหก “กระติก” ชุดใหญ่ ไม่กล้าสาบานต่อพระเจ้า ซุ่มรับงานกินข้าวหรือไม่ ให้เช็กเงินในบัญชี !

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ เป็นเรื่องใหญ่ ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.05 น. ทางช่อง JKN 18 ดำเนินรายการโดย “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” ได้เกาะติดเหตุการณ์หลังการเสียชีวิตของนางเอกชื่อดัง “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” หลังพลัดตกจากเรือจมในน้ำเจ้าพระยา แถมสะพานพระราม 7 กลางดึกวันที่ 24 ก.พ. ก่อนจะพบร่างในวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งยังมีหลายประเด็นให้คนไทยคาใจ วันนี้เพชรได้เปิดใจสัมภาษณ์ “แอนนา ทีวีพูล” มาพร้อม “ฮิปโป” เพื่อนที่สนิทของแตงโม เพื่อเปิดใจถึงประเด็นร้อน

รู้จักคุณปอมั้ย?
แอนนา : แอนนาไม่รู้จักคุณปอ แล้วก็อีก 4 ท่านก็ไม่รู้จักเลย

ฮิปโป : คือส่วนตัวก็คิดว่าแตงโมก็น่าจะรู้จักเผินๆ มากกว่า

เคยได้ยินชื่อของคุณปอมั้ย?
แอนนา : คือแอนนาว่าน่าจะเป็นแบบนี้นะคะ น่าจะจากการที่คุณปอชวนกระติก แล้วกระติกมาชวนโม อย่างนี้มากกว่า ว่าอาจมานัดทานข้าวล่องเรือ เพราะว่าต้องบอกก่อนว่าตัวแตงโมเองเขาก็ชอบอยู่แล้วกับการล่องเรือ เพราะว่าวันก่อนก็ชวนเขามาล่องเรือเหมือนกัน เขาก็มายืนถ่ายรูปบนเรือ เขาชอบถ่ายรูปแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ

แล้วปกติถ้ามีคนไม่รู้จักชวนไปกินข้าวน้องโมเขาไปเหรอ?
แอนนา : ถ้ามีเพื่อนที่สนิทเขาไปค่ะ

ฮิปโป : เหมือนหนูสนิทกับโมแล้วพี่เพชรชวนไปกินข้าวนางจะไป ถ้ามีเพื่อนที่สนิทอยู่ใกล้กันแค่คนเดียวเขาก็สบายใจแล้ว

แอนนา : คือมันเคยมีเหตุการณ์แบบนี้อย่างเช่นวันนี้ แอนนาจะไปดูนางงามซึ่งมันต้องเจอคนอีกมากมายเขาไม่รู้จักใครเลย แต่เพราะมีแอนนาอยู่เขาก็มา

ซึ่งในทวิตเตอร์มีทั้งข่าวจริงข่าวลวงเยอะแยะมากมาย มีคนบอกว่าคุณปอและเพื่อนชอบที่จะจ้างดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่สวยๆ เซ็กซี่ ไปทานข้าวด้วยแล้วก็ไปล่องเรือด้วย?
แอนนา : มันก็อาจเป็นไปได้ คือแตงโมเองเนี่ยไม่รับงานทานข้าวอยู่แล้วเพราะว่าในกลุ่มของพวกเรากลุ่มรับงานก็จะมีรับงานอีเวนต์ งานสินค้า พรีเซ็นเตอร์ งานละคร ซึ่งเป็นข้อตกลงตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเป็นงานทานข้าวอะไรแบบนี้ไม่รับ ไม่ใช่เพิ่งรู้เรื่องนี้นะคะ คือเรามีเรื่องนี้กันตอนมหาวิทยาลัย เคยมีคนมาทาบทามว่าให้แตงโมมาทานข้าวให้ 3 แสน เราก็บอกว่าโมเยอะอยู่นะตั้ง 3 แสน โมให้เหตุผลว่า 1.โมมีคุณพ่อโมให้เกียรติพ่อ 2.โมนับถือพระเจ้าโมไม่อยากให้เกียรติและความเป็นผู้หญิงของโมมันเสื่อมไป สังเกตมั้ยคะว่าหลังจากแต่งงานโมบอกว่าจะไม่แต่งงานใหม่โมก็ไม่เคยแต่งงานใหม่ คือโมเขาเป็นคนเชื่อในพระเจ้ามาก ส่วนเรื่องการรับงานทานข้าวเชื่อว่าไม่ เพราะถ้าเขารับงานทางข้าวเขาจะไม่ลำบากเหมือนที่เขาเป็นอยู่ก่อนหน้านี้

แล้วมันเป็นไปได้มั้ยที่คนดูแลคิวแอบไปรับงาน?
แอนนา : ต้องเช็กเงินในบัญชีคนที่ดูแลคิว แอนนาว่าถ้ามีเงินในบัญชีจำนวนใดที่ผิดปกติเข้ามาแล้วแจงว่านี่มันคือค่าอะไรได้ก็จบแล้ว

แล้วเราเคยขอดูแล้วยัง?
แอนนา : เราไม่มีสิทธิขนาดนั้นค่ะ

เราสงสัยมั้ยว่ามันจะมีลับลมคมในว่าแอบไปรับงานแล้วชวนเพื่อนไปทานข้าว?
แอนนา : คือโมรู้ว่าตัวเองไปทานข้าวแน่นอน ส่วนกระติกนั้นต้องดูเงินในบัญชีว่ามีค่าอะไรที่เข้ามาผิดปกติหรือเปล่า
อันนั้นก็หมายความว่าถ้าขอดูได้เราอยากดูมั้ย?
แอนนา : แอนนาคงไม่ดูค่ะแอนนาเองพูดตรงๆ คือแอนนาเคลียร์กับกระติกแล้ว แอนนาไม่ติดใจอะไรแล้ว พูดตรงนะคะ ถ้าเลือกเพื่อนได้แอนนาจะไม่เลือกผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนแค่นั้นเองเราเคลียร์จบ เราไม่คิดจะสานต่ออะไรกับความสัมพันธ์ตรงนั้นแล้ว
แต่ยังเชื่อมั้ยว่ากระติกรับงานให้แตงโมโดยที่แตงโมไม่รู้?
แอนนา : เราไม่แน่ใจค่ะ เราไม่กล้าพูด อะไรที่เราไม่แน่ใจเราจะไม่ปรักปรำเขามันบาป ให้ตำรวจทำงานแอนนาเชื่อมั่นในตำรวจไทย

วันนั้นที่แอนนาโพสต์ว่ามีหลายเรื่องที่อยากพูดแต่พูดไม่ได้ สุดท้ายแล้วให้บาปกรรมมันทำงาน วันนี้ยังเชื่อแบบนั้นอยู่มั้ย?
แอนนา : ก็ยังชื่อแบบนั้นค่ะ หนูถามพี่เพชรคำเดียวถ้าพี่เพชรอยู่ในเหตุการณ์ที่อยู่บนเรืออันนี้หนูไม่พูดถึงคนที่เหลือนะ เพราะหนูว่าเขาไม่ได้สนิทกัน การที่เราไม่สนิทกันแล้วอีกคนจมน้ำแล้วเราไม่ลงไปช่วยมันก็ไม่แปลก ถ้าพี่เพชรมีเพื่อนสนิทจมน้ำพี่จะลงไปช่วยมั้ยคะ

เพชร : พี่โดดไปตั้งแต่ขาจุ่มน้ำแล้ว

แอนนา : ไม่ต้องโดดก็ได้ค่ะ โยนอะไรลงไปก็ได้ค่ะหรือตัวเปียกน้ำหน่อยนึงให้รู้ว่าเป็นการช่วย

เขาไม่รู้หรือเปล่า เห็นเขาบอกว่าเขานั่งอยู่หน้าเรือ เขามองนกมองไม้ มองสะพาน มองไฟอยู่?
แอนนา : แล้วทำไมเขามีโทรศัพท์แตงโมอยู่ตรงมือคะ

เขาเป็นผู้จัดการไง เขาต้องถือให้หรือเปล่า?
แอนนา : ปกติแตงโมเป็นคนไม่ฝากโทรศัพท์ถ้าฝากโทรศัพท์คือเขาต้องไปทำธุระ เพราะก่อนหน้านั้นแอนนาเพิ่งแชตไปหาแตงโมแอนนาเจอเวลาแล้วนะที่ดูได้ 4 ทุ่ม 21 แตงโมก็ตอบซึ่งถ้าสมมตินะคะแตงโมติดโทรศัพท์แล้วแตงโมจะไปฉี่แตงโมต้องบอกเขาสิ

ฮิปโป : ปกติอย่างง่ายๆ ในฐานะคนดูแลเวลาเขาจะไปปัสสาวะหรือเขาจะไปไหนเขาจะฝากโทรศัพท์แล้วจะบอกว่าเธอฉันฝากแป๊บนะจะไปฉี่

ซึ่งเวลาเราเป็นผู้จัดการเวลาเขาจะไปไหนเราต้องตามมั้ยหรือนั่งรอ?
แอนนา : ต่อให้นั่งชิลก็ต้องเหลือบมองบ้างว่าเขาทำอะไร

ฮิปโป : เพราะปกติถ้าโมไปหนูถามก่อนเลยว่า “เจ๊ไปไหน” เจ๊ก็จะตอบว่า “ไปห้องน้ำ” ถ้าหายไปแค่ 4 นาทีหนูเดินไปตามแล้ว หายไปไหน เพราะตอนไปล่องเรือสำราญกันหายไปแป๊บเดียวหนูไปตามแล้วนะว่าอยู่ไหน

แอนนา : ใช่ ประสานประกบต้องดูตลอด

มันเป็นไปได้มั้ยว่าเรือมันเล็กก็เลยคิดว่าหันไปก็เจอ?
แอนนา : ยิ่งเรือเล็กยิ่งชัดเจน หนูถามพี่เพชรคำเดียวคนตกน้ำเรือเล็กแค่นั้นไม่ได้ยินเหรอคะ หรือว่ามันตกเงียบมาก

เขาว่าเขาเปิดเพลงเสียงดังเขาไม่ได้ยินอะไร?
แอนนา : ก็พูดยาก แต่ในเมื่อแซนให้การว่าโมตกน้ำแซนเห็นแล้วแซนนั่งต่อไปเงียบๆ หรือเปล่า แซนก็ต้องร้องตะโกน มันเป็นไปได้เหรอว่าตกปุ๊บตรงดิ่งลงเจ้าพระยาเลย มันไม่ได้มีหินถ่วงนี่คะที่จะจมเลย มันก็ต้องเห็น

ฮิปโป : มันก็ต้องเห็นการตะเกียดตะกายบ้างเกิดขึ้น

แอนนา : หนูถามพี่เพชรตรงๆ ถ้าดูจากภาพเหตุการณ์เรือมันแล่นแล้วคนตกขณะที่มีคนเห็นพี่เพชรคิดว่าเขาจะร้องให้ช่วยมั้ยคะ ร้องให้ช่วยแล้ว 1 แล้วคนบนเรือก็ต้องตกใจ ก็ต้องรีบไปดูหรือจอดเรือ เรือล่องช้าคนตกน้ำ ระยะเวลาการรับรู้ก็คือต้องทันที ไม่ใช่ 5 หรือ 10 นาที

แปลว่าที่เขาพูดมาแต่ละรายการแอนนาไม่เชื่อเขาเลยเหรอ?
แอนนา : ไม่ใช่ไม่เชื่อค่ะ แต่แอนนาแค่คิดว่ามันยังไม่เมคเซ้นส์ อย่างที่หนูว่านะคะหนูไม่ได้สงสัยคนที่เหลือแต่หนูสงสัยกระติกเพราะกระติกเป็นเพื่อน ทำไมต้องสงสัยกระติกคนเดียวเข้าใจมั้ยคะว่าเราดูแลเพื่อนเราจะรู้ว่าแตงโมเป็นยังไง ดังนั้นเราก็คาดหวังว่ากระติกจะดูแลแบบเดียวกับที่แตงโมให้

ถ้าวันนั้นเป็นฮิปโปนั่งอยู่เขาปวดฉี่เราจะตามมั้ย?
ฮิปโป : พี่ หนูลุกยืนก่อนค่ะ หนูจับทุกทาง แล้วหนูก็จะบอกด้วยว่าไม่ให้ไปฉี่ตรงนั้น ถ้าปวดฉี่บอกหนู หนูจะเดินไปบอกคนขับเรือว่า พี่ขาแวะโป๊ะไหนก็ได้ให้โมขึ้นไปฉี่แป๊บนึง หรือให้ไปพงหญ้าไหนก็ได้ คงไม่ให้ฉี่บนเรือแน่นอน

แล้วที่สำคัญอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าเต็มไปหมด?
ฮิปโป : ใช่ ยอมไปฉี่ที่อื่นดีกว่า

ตอนนั้นที่เราไปถึงท่าเรือตอนเที่ยงคืนกว่าเราได้คุยอะไรกับเขามั้ย?
ฮิปโป : บทสนทนานะคะที่เราได้พูดคุยคือมีพี่แซนกับพี่ปอ บทสนทนาง่ายมากเลยค่ะ ลงรถมาถามหาคำแรกเลยคือพี่กระติกอยู่ไหนคะ แล้วเขาก็เลยชี้ถามว่าคุณเป็นใคร เราก็เลยบอกว่าเราเป็นผู้จัดการแตงโม เขาก็เลยชี้ว่าอยู่ข้างในเราก็เลยวิ่งไป

ตอนนั้นทั้ง 2 คนเป็นไงครับ?
ฮิปโป : ก็อยู่ในอาการตื่นตกใจค่ะ อยู่ในภาวะเครียดแล้วก็ตื่นตกใจ เราก็เข้าใจนะคะว่าเขาอาจเป็นเพื่อนพี่กระติกก็ได้ อารมณ์แบบปกป้องเพื่อนแหละ พอถามว่าเราเป็นใครเขาก็อาจกลัวว่าเป็นนักข่าวหรือเปล่ากลัวภาพมันจะหลุดออกไปหรืออะไรอันนี้หนูไม่ทราบเลย จนหนูมาเจอพี่กระติกหนูก็ถามว่าทำไมพี่โมถึงตกน้ำเขาก็ตอบว่าโมไปปัสสาวะท้ายเรือแล้วก็ตกลงไป แล้วหนูก็ถามว่าตกท่าไหน เขาบอกว่าเขาไม่เห็นไม่รู้เรื่อง

แสดงว่าคืนนั้นเราก็ไม่ได้คำตอบอะไรจากกระติก?
ฮิปโป : ใช่ค่ะ

ตอนนี้มันมีหลายคนสงสัยในตัวของคุณโรเบิร์ตซึ่งตอนนี้เครียดมากจนไม่สามารถที่จะมาพบใครได้ จนเราทุกคนก็เห็นข่าวแล้วว่าเขาลบรูปในไอจีทิ้งแล้วก็ตั้งเป็น private?
แอนนา : คืออันนี้ไม่ได้เข้าข้างใครนะคะ แต่แอนนาเข้าใจได้ อย่างคุณโรเบิร์ต คุณปออะไรเหล่านี้ คือเขาไม่เคยอยู่ในวงการเขาอาจรับกับภาวะกดดันแบบนี้ได้ยากเราเข้าใจเขาได้

ทำไมต้องลบรูปทิ้งมันมีอะไรในนั้นเราไม่สงสัยเหรอ?
แอนนา : แปลกใจมั้ยแปลกใจหมดเลยค่ะ แต่เราเก็บความสงสัยความแปลกใจให้ตำรวจต่อ เพราะสุดท้ายแล้วล้านชาวเน็ตก็ยังสู้ตำรวจคนเดียวตั้งใจทำคดีไม่ได้ เพราะตำรวจจะมีวิธีการในการหา หรือสอบสวนหรือเก็บข้อมูล เขาจะมีประสบการณ์มาก

เรามั่นใจกับตำรวจขนาดนี้ มีข่าวมาว่าทางฝั่งของคนที่อยู่บนเรือเขาก็มีเส้นสายกับตำรวจ ที่ตำรวจจะมาช่วยเหลือทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ผ่อนหนักให้เป็นเบา?
แอนนา : แอนนาเชื่อนะคะว่าความยุติธรรมจะยังมีอยู่ไม่ว่าตัวเขาจะมีเส้นสายยังไง อันนี้ส่วนตัวเราเป็นนักข่าวมาก่อน พลังของมวลชนมีพลังมากกว่าเกินที่ตำรวจคนนึงจะเข้ามายุ่ง หรือเปลี่ยนคดี สังเกตมั้ยคะว่าคดีใหญ่ๆ แม้ว่ามันจะทำท่าเหมือนเลือนหายไป แต่สุดท้ายสื่อมวลชนหรือประชาชนจะไม่ยอมให้มันจบ แอนนาเชื่อว่าพลังของมวลชนมันมากพอที่จะทำให้คดีนี้มันโปร่งใสได้

แล้วในเคสของคุณจ็อบที่เขาบอกว่ามีแผล เสื้อขาด มีรอยช้ำตามร่างกาย เราสงสัยมั้ย?
แอนนา : คือแอนนาไม่สงสัยอะไรเลย แอนนาพูดตรงๆ นะคะพี่เพชร เรื่องแบบนี้มันควรจะสอบสวนตั้งแต่วันแรกหรือเปล่า คือมันเพิ่งมาทีละจุด ถ้าอีก 10 วันมันเจออะไรอีกก็ต้องมานั่งตรวจอีกรอบหรือเปล่า แอนนาว่ามันควรจะเก็บทุกอย่างไปหมดแล้วตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรก แต่แอนนาก็เข้าใจนะตามหลักกฎหมายถ้ายังไม่พบร่างถ้ายังไม่ตีว่าเสียชีวิตก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เรามองว่าเรื่องทั้งหมดมันควรจะดำเนินการไปแล้วมั้ย ไม่ใช่ว่าไปถอดเสื้อแล้วก็โป๊ะอยู่ในรายการรายการนึง

คือเขาให้ลบคลิป อย่างปกติถ้าเป็นเรา เราถ้าบริสุทธิ์ใจอยากถ่ายถ่ายเลยแต่นี่เขาขอให้ลบ เขาบอกว่าไม่อยากให้เรื่องมันยืดยาวต่อไปอีก?
แอนนา : อันนี้ก็ฟังมาจากพี่หนุ่มเราก็เข้าใจเขาได้นะ เพราะมันอาจเป็นประเด็นสังคม แต่เพียงแค่ว่าเรามองว่าถ้าการสอบสวนอย่างจริงจังตรงไปตรงมาแอนนาว่าเดี๋ยวก็เจอ ความจริงเล่าสิบรอบก็คือความจริง

แต่เราก็เชื่อว่าทั้งหมดเกิดจากอุบัติเหตุ?
แอนนา : ยังไม่เชื่อขนาดนั้น เรายังไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมหรืออะไร รอตำรวจพูดค่ะ
 
อย่างคุณแม่แตงโมบอกว่ามีการจ้างไปทานข้าว แต่คนที่อยู่บนเรือบอกว่าไม่ได้จ้างมันหนังคนละม้วนเลยนะ?
แอนนา : แอนนาไม่ได้ติดใจว่าจะจ้างหรือจะไปเองหรือจะยังไง ติดใจแค่ว่าตกน้ำทำไมไม่ช่วยแค่นั้น เราสงสัยว่าการตกน้ำไปการช่วยเหลือมันไม่ได้เลยหรือไง มันไม่เข้าใจแค่ตรงนี้จริงๆ เพราะว่าลองคิดภาพตามคือจมหายไปเลยเหรอ ในภาพจำลองเหตุการณ์เขาบอกว่าน้ำนิ่ง

แซนเป็นใครรู้จักมั้ย?
ฮิปโป : ไม่รู้จักค่ะ ไม่รู้จักเลย

คิดว่าแตงโมรู้จักมั้ย?
แอนนา : น่าจะรู้จักบ้างเผินๆ

แล้วแตงโมกล้าฉี่ต่อหน้าคนแปลกหน้าเลยเหรอ?
ฮิปโป : อันนี้หนูไม่ค่อยกล้าฟันธงเลยนะคะ

แอนนา : มันพูดยากเพราะว่าด้วยการดื่มด้วย

ฮิปโป : อีกอย่างคือเขาน่าจะสนิทกันจริงด้วยค่ะ เพราะโมเวลาเขาจะแนะนำใครให้พวกหนูรู้จัก เขาจะเดินพาไปเลยแล้วบอกว่า ฮิปโปคนนี้คือคนนี้นะ เขาก็จะเล่าประวัติ แล้วคนนี้รู้จักคนนี้ แต่งแก๊งนี้ไม่เคยรู้จักเขาไม่เคยแนะนำหรือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนแก๊งนี้ให้ฟัง

แล้วมันจะเป็นไปได้มั้ยว่าเขาจะไปฉี่แล้วอาจสะกิดเพื่อนที่ไม่สนิทแล้วบอกว่าไปเป็นเพื่อนหน่อย?
แอนนา : คือเป็นไปได้ด้วยนิสัยของโม โมเป็นคนที่ห้าว แต่หนูไม่แน่ใจว่าตรงนั้นมันบังได้แค่ไหน คือถ้ามันปิดมองไม่เห็นเลยมีโอกาสที่โมจะไปฉี่ แต่ถ้ามันเปิดโจ่งโล่งแบบนั้น หนูตีเป็น 0 เลยค่ะ

ฮิปโป : แต่ตรงนั้นมันก็โล่งจริงๆ นะคะ แบบมองไปก็เจอคนหาปลา แบบเจอเยอะ

แอนนา : คือพอเราจะไปฉี่ท้ายเรือเราต้องมั่นใจว่าตรงนั้นมันไม่มีใครเห็นแล้ว คือเรือมันเป็นเรือที่โล่งๆ จะไปแอบยังไง

เราก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์กับความเชื่อว่าโมไปฉี่?
แอนนา : ไม่ร้อย อะไรก็แปลกไปหมดตั้งแต่แรกแล้วค่ะ
คนที่รู้จักดี กระติก แอนนาบอกมีเรื่องเคลียร์กับกระติก ได้เคลียร์หรือยัง?
แอนนา : เดินเข้าไปหากระติก แล้วกระติกบอกว่าไม่ต้องถ่ายคลิปอะไรนะ ถ้าจะเคลียร์ เดินไปถามประเด็นแรกคือถ้าโมเสียไป ลูกได้อะไรบ้าง กระติกบอกว่าไม่ได้ โอเค เคลียร์ วันนั้นทำไมให้ฉันกลับบ้านก่อน ทำไมไล่ฉันกลับ ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่

ใจนึงก็คิดว่าโมเป็นอะไร ลูกกระติกก็ต้องได้หรือเปล่า กระติกมีส่วนมั้ยเหรอ?
แอนนา : ตอนแรกเราสงสัย เราก็เดินไปถาม พอเขาบอกว่าน้องไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ก็จบไปประเด็นนึง อีกประเด็นนึงเราไม่แน่ใจว่าทำไมกระติกไล่เรากลับ ทำไมให้ฮิปโปไปนอนบ้าน เขาก็ให้เหตุผลที่เราฟังขึ้น เขาบอกว่าเธอเป็นนักข่าว ไม่อยากให้นักข่าวรู้ ถ้านักข่าวมายิ่งช่วยเหลือยาก การที่หนูไปหนูไปเพราะเพื่อน ไม่ได้ไปเพื่อจะสื่อ รายงาน แต่หนูยอมรับว่าพอหนูไปหนูลงข่าวเลย เพื่อให้รู้ว่าเพื่อนอยู่ในอันตราย อยากให้ทุกคนไปช่วยให้เร็วที่สุด มันควรเข้าไปช่วยเยอะๆ ซึ่งก็ได้ผล จากนั้น 20 นาทีก็มากันหมดเลย เราก็สงสัยว่าทำไมคนอื่นจะไปช่วยไม่ได้ พอแอนนารู้ ก็บอกพี่มดดำเลย ให้พี่มดดำ ประสานหน่วยงานต่างๆ เอาเรือไปช่วย เราช่วยจริงๆ

อีกเรื่อง มีคนบอกว่ากระติกมีแบรนด์เสื้อผ้าส่งมาให้กระติกใช้ และใช้กับโมด้วย พอไปถามเจ้าของแบรนด์ เขาบอกว่าไม่ใช่?
แอนนา : เรื่องนั้นก็ไม่ซีเรียส เพราะนอกประเด็นแล้ว เราเลยเฉยๆ เพราะเราก็เห็นอยู่แล้ว กระติกกับโมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวกันบ่อยมาก ประเด็นที่แอนนาสงสัยและถามวันนั้น คือเรื่องโทรศัพท์ที่รูปลบหายไป ก็ถามว่าเธอได้ลบรูปมั้ย เขาก็โชว์โทรศัพท์ให้ดูว่าเขาเข้าอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ของโมเข้าไม่ได้เลย เขากล้าเปิดขนาดนั้นก็โอเค แต่เราถามว่าเขากล้าสบายมั้ย เขาบอกไม่สาบานนะ เราแค่แคลงใจว่าเธอสาบานกับพระเจ้าได้มั้ย เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องสาบานให้เธอสบายใจ ก็โอเค เคลียร์และเข้าใจคำถามแล้ว รู้แล้วว่ามันไม่ปกติ
รูปในไอจีที่หายไปเป็นรูปอะไร?
แอนนา : เป็นรูปแมว อาจใครที่ถือมือถือแล้วเผลอกดรูปมากกว่า รูปไม่มีสาระสำคัญขนาดนั้น เรารู้แล้วว่ามีรูปอะไรหายไปบ้าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย

ปกติแตงโมคออ่อนแค่ไหน เมาแล้วพลาดตกเรือมั้ย?
แอนนา : โมชอบดื่มไวน์ แต่เขาจะรู้ตัวเอง แต่ไม่แน่ใจอีก เพราะเขาอยู่กับผู้จัดการ เขาก็ดื่มได้ ใครที่เขาวางใจ หรือไว้ใจ เขาจะกล้าดื่ม เราเลยไม่มั่นใจ ต้องตรวจอีกว่าปริมาณแอลกอฮอล์แค่ไหน ไม่เคยอยู่กับเขาตอนเขาเมาจนไม่รู้สึกตัว ล่าสุดเคยไปแฮงเฮาท์กับโม อมีนา เพิ่งรู้ว่าแตงโมดื่มเยอะขนาดนี้ แต่ตอนไปรับคุยรู้เรื่อง กินยังไงก็ตาม ไม่เมาแบบหมา ไม่เมาแล้วซมซานไม่รู้เรื่องอะไรเลย โอกาสเมาตกเรือเป็นไปได้น้อยมาก

คุณแม่กับพี่ชายได้คุยมั้ย?
ฮิปโป : ได้ประสานเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดความเข้าใจผิด ไม่ว่าคุณแม่ช็อก เราก็กลัวคุณแม่เป็นอะไรไป ให้สัมภาษณ์ผิดถูก เลยเป็นสนทนาที่ค่อนข้างสวนทางกัน เมื่อวานได้คุยกับคุณแม่ คุณแม่ก็ตกใจ แม่ไม่รู้ว่าหนูอยู่ฝั่งใคร ฝั่งแม่หรือกระติก ก็อธิบายว่าเลือกอยู่ฝั่งถูกต้อง ยุติธรรม แม่ก็เข้าใจ เพราะเห็นภาพเราอยู่ตรงนั้น ก็คิดว่าเราเป็นคนสองหน้าแน่ๆ พอไปเคลียร์แม่ก็เข้าใจว่าหนูเป็นเพื่อนที่โมรัก

ถ้าโมยืนอยู่ตรงนี้ 1 นาที อยากบอกอะไรโม?
แอนนา : เราสั่งเสียไปแล้ว ตั้งแต่เขามาที่บ้าน เขาพูดทุกอย่างเหมือนเป็นวันสุดท้าย เขาพูดความในใจ ตั้งแต่คบกันมาจนถึงเรื่องดาราหลายคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทแล้วหายไป หรือเรื่องอะไรก็ตาม เขาคุยหมดเลย โมเป็นคนไม่มีเปลือก พูดอไรก็ตามคิดมาหมดแล้ว จะเคลียร์ใจเรื่องนี้ ฉะนั้นไม่มีอะไรจะพูดกับโมเลย เราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว

คนบอกแอนนาติดใจค้างคาอยากต่อว่าโมเรื่องนึง?
แอนนา : เรื่องไว้ใจคนมากเกินไป วางใจคนมากเกินไป เขาเป็นคนดี เป็นคนที่ให้ใจคน แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่ให้ใจกลับมา เหตุการณ์ครั้งนี้เขาได้รู้แล้วว่าเขาไว้ใจคนผิด

ฮิปโป : อยากบอกเขาว่า ทุกคนรักเขามาก (ร้องไห้) เขาชอบเข้าใจว่าทุกคนไม่รักเขาเลย ทั้งเพื่อนดารา นักข่าว เขาบอกว่าหน้าฉันเบี้ยว เขาคงไม่ชอบฉันหรอก เขาคงไม่ให้งานฉันหรอก ก็ไม่อยากให้เขาคิดไปเอง ทุกคนรักเขามากจริงๆ เป็นห่วงเขาทุกวินาที (ร้องไห้) ก็อยากบอกให้เขาสบายใจ ว่าคนรักเธอนะ อย่าคิดว่าเธอไม่สวย เธอเป็นคนที่สวยมาก อยากให้มั่นใจและไปมีความสุขได้แล้ว





กำลังโหลดความคิดเห็น