“อนุทิน” ปัดดรามาคนติดโควิด นอนข้างถนน ไม่มี รพ.รับรักษา บอกเช็กแล้วเช็กอีก ไม่มี แจง สธ.ไม่ได้ยกระดับเตือนภัยโควิดระดับ 4 บอกอยู่นานแล้ว เตรียมชง ศบค. พรุ่งนี้เลิกตรวจ RT-PCR วันที่ 5
วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงประเด็นดรามาผู้ป่วย โควิด-19 นอนข้างถนน เพราะไม่มีโรงพยาบาลรับไปรักษา ว่า “มันไม่มี ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้น” ส่วนเเต่มีภาพข่าวออกมา นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า มันไม่มี และไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ พอเห็นข่าวตนไม่ได้อยู่เฉยๆประสานกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข เช็กแล้วเช็กอีก มันไม่มี และจำนวนเตียงที่มีอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ครองอยู่ยังไม่ถึงครึ่ง ซึ่งก็ยังมีความพร้อม
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการปรับการรักษาโควิดฟรีตามสิทธิ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ยืนยันว่า ไม่ได้ยกเลิกการรักษาผู้ป่วยโควิด แต่เรารักษาตามสมมติฐานของโรค เช่น ผู้ป่วยโควิดส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ และไม่มีอาการรุนแรง จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวให้รักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อให้เตียงหรือบุคลากรทางการแพทย์ว่างมากที่สุด ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลืองและสีแดง ก็ยังได้รับการรักษาพยาบาลตามการเจ็บป่วยฉุกเฉิน (UCEP) ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการระบบสาธารณสุขให้ดีที่สุด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ยกระดับเตือนภัยโควิดระดับ 4 เพราะอยู่ในระดับ 4 มาตั้งนานแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วที่มีการประกาศจากระดับ 5 ลงมาเหลือระดับ 4 ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเขียนว่ายกระดับ ซึ่งระดับ 4 เป็นอนวทางในการปฏิบัติตนให้มีการเว้นระยะห่าง ทำงานที่บ้าน ลดการสังสรรค์ปาร์ตี้ ส่วนการล็อกดาวน์ขณะนี้ขอให้ใจเย็นๆ ประเทศอื่นทั่วโลก ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงกว่าประเทศไทย แต่เขายิ่งผ่อนคลาย เราก็หาทางที่ดีที่สุด ทางสายกลางเดิน โอมิครอนติดง่ายหายเร็ว และความรุนแรงของโรคไม่เหมือนสายพันธุ์อื่น แม้จะมีการแตกสายพันธุ์ย่อย แต่ก็ไม่รุนแรง
เมื่อถามถึงการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 23 ก.พ.นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมีการลดหรือเสนอมาตรการอะไรเพิ่มหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะมีเรื่องของมาตรการการเข้าประเทศ จากเดิมที่ต้องให้ตรวจ RT-PCR ในวันที่ 5 มีความจำเป็นหรือไม่ ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ แต่น่าจะมีแนวโน้มลดการตรวจ RR-PCR ในวันที่ 5 เพราะดูแล้วไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ยืนยันการควบคุมโรคยังดีอยู่ และการติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ ไม่ได้มาจากต่างประเทศ