xs
xsm
sm
md
lg

ศบค.เมินล็อกดาวน์แม้ติดเชื้อพุ่ง เตือนนักวิชาการแนะให้ระบุความเห็นส่วนตัว หวั่น ปชช.ตกใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทีมโฆษก ศบค. ย้ำยังไม่ล็อกดาวน์ หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูง เตือน “นักวิชาการ” ให้ความเห็น ขอให้ระบุเป็นความเห็นส่วนตัว หวั่น ปชช.ตกใจ

วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงถึงกรณีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ เมื่อเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจะมีการล็อกดาวน์ หรือระบบ Test and Go หรือไม่ ว่า ส่วนการล็อกดาวน์หรือไม่ดูแล้วทิศทางที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ไม่มีการพูดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องดังกล่าวคงต้องเน้นย้ำว่าการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันดังกล่าวจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมและการพิจารณาคงไม่ได้ประเมินเฉพาะยอดจำนวนผู้เสียชีวิต ตัวเลขผู้ติดเชื้อและยอดผู้ป่วยหนัก แต่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้านทั้งในด้านของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้น การที่บางครั้งประชาชนมีความกังวล เพราะไปดูข้อมูลที่อาจจะเป็นข้อมูลจากนักวิชาการ อาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็จะทำให้เกิดการตกใจว่าจะมีการล็อกดาวน์หรือไม่ ย้ำว่ายังไม่มีทิศทางที่จะมีการประกาศการล็อกดาวน์ และขอความร่วมมือนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเวลาให้ความเห็นขอให้ระบุด้วยว่าเป็นความเห็นส่วนตัว เพราะทั้งประชาชนและผู้ประกอบการมีความกังวล

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ส่วนระบบ Test and Go นั้น มีการคาดการณ์ว่า จะมีการระงับการเดินทาง แต่หากไปดูตัวเลขในระบบดีงกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.พ.นี้ จะเห็นว่า มีผู้เดินทางเข้ามา 137,990 ราย ย้ำว่า ไม่ได้ปิดกั้นการเดินทางแต่ยังคงมาตรการที่จำเป็นแต่หลายฝ่ายก็อยากให้ปิดแต่ขณะที่ฝ่ายที่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจ ตั้งคำถามว่าทำไมยังคงต้องมีการตรวจ RT-PCR ซ้ำ โดยในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะมีการอธิบายเหตุผลว่าหากไม่มีการล็อกดาวน์ จะมีมาตรการรองรับอย่างไร ถ้าจะยังคงเปิดประเทศรองรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรก็จะตามมาด้วยมาตรการที่เข้มงวดอย่างไรก็คงจะต้องติดตาม ย้ำว่า หากประเทศอื่นหรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศยุโรป มีการผ่อนคลายมาตรการแล้วแต่ เมื่อเดินทางเข้ามาในประเทศไทยก็ยังคงต้องทำตามมาตรการของสาธารณสุขบ้านเรา


กำลังโหลดความคิดเห็น