“เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค” ร้อง “ก้าวไกล-เพื่อไทย” จี้ ครม.ถอนวาระพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว จี้ ให้ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ตัดสินใจ
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ประมาณ 7 คน เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว กับ พรรคก้าวไกล เพื่อขอให้พรรคการเมืองช่วยกันเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถอนวาระการพิจารณาการต่อสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไป เพื่อให้ผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากค่าโดยสารราคา 65 บาท ไม่สามารถรับไหว และจากการคำนวณพบว่าค่าโดยสาร 25 บาท สามารถเป็นไปได้ โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนรับหนังสือ
ทั้งนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกล มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการขยายสัญญาสัมปทานดังกล่าว จึงขอเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับภาคประชาชน เรียกร้องให้ ครม. ถอนวาระนี้ ออกจากการพิจารณา และควรเร่งรัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้ควรพิจารณาจากผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ และครม.ใหม่ เพราะรัฐบาลชุดนี้ใกล้หมดวาระแล้ว และไม่อยากให้รัฐบาลแอบทำสัญญาสัมปทานแบบนี้ซ้ำสองอีก
“พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย เราจะพยายามกดดันเรียกร้องรัฐบาลทุกวิถีทาง เพราะถือว่าการทำสัญญาดังกล่าวจะเป็นการมัดมือชกประชาชนจ่ายค่าโดยสารแพงถึง 65 บาท ไปอีก 30 ปี และสูญเสียโอกาสครั้งใหญ่ที่จะทบทวนสัญญาสัมปทาน และการพิจารณาดังกล่าวจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ จึงไม่อยากเห็นการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ มีการพิจารณาวาระดังกล่าว” นายชัยธวัช กล่าว
ด้าน นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของกมธ.คมนาคม ไม่เห็นด้วยกับการขยายสัญญาสัมปทานที่ไม่ชอบธรรม ที่ผ่านมา มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง รวมถึงการจัดสัมมนา โดยเชิญฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยทุกพรรคการเมือง แต่ไม่มีใครคนใดกล้ายืดอกพูดกับประชาชนว่าเห็นด้วย และสนับสนุนการขยายสัญญาสัมปทานนี้ ชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องที่น่าเกลียดที่สุดในนาทีนี้ ประชาชนต้องเห็นความสำคัญและช่วยกันเรียกร้องหยุดสายสีเขียว
ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่มีตัวแทนภาครัฐคนใด กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าสนับสนุน และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นความพยายามรวบรัดและหักคอ โดยไม่เคารพคน กทม. หากปล่อยให้ต่อสัญญาออกไป ก็จะยาวนานถึงปี พ.ศ. 2602 เท่ากับยาวนานหนึ่งชั่วอายุคนที่เราจะต้องอยู่กับสัญญารถไฟฟ้านี้ นี่คือ ความพยายามที่จะทำก่อนให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่ควรต่ออายุสัมปทาน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และไม่ควรเอาเหตุนี้ดึงเวลาจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ออกไปแบบไม่มีกำหนด เพราะคน กทม. ต้องการผู้ว่าฯ ที่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ให้คน กทม. เขาต้องการผู้ว่าฯ ที่ให้เขาจ่ายค่ารถไหว มีการสัญจรไปมาภายใต้ค่าโดยสารที่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจจากการสัญจรใน กทม. แต่การต่อสัญญาครั้งนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์คือบริษัทเดินรถไฟฟ้าอย่างเดียว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญที่สุด คือ รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีผู้โดยสารใช้เยอะที่สุด และเป็นบันไดขั้นแรกของใยแมงมุมในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า และยังเห็นได้ว่าผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันไม่ยอมออกมาเปิดเผยรายละเอียดการต่อสัญญาสัมปทานดังกล่าว เป็นการมุบมิบ ดังนั้น ตนและพรรคก้าวไกลจะทำทุกวิถีทาง ปกป้องผลประโยชน์ของคน กทม.ให้ดีที่สุด และทุกสาย ทุกเส้น ทุกสี ผู้ว่าฯ กทม.จะต้องเข้าไปมีส่วนเจรจา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับค่าโดยสารทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผีถึงป่าช้า จนคน กทม.ต้องยอมรับสภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นในช่วงเวลา 13.00 น. กลุ่มเครือข่ายฯ ดังกล่าวยังได้ยื่นหนังสือในเรื่องเดียวกันนี้กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย