“อนุทิน” แจงสภา ปมระบบสาธารณสุขไทย ย้ำเรื่องวัคซีนโควิด มีมาตรฐานรองรับ วิชาการต้องมาก่อน ผู้ผลิตเสนอฉีดเด็ก 3 ขวบแต่เราให้ 6 ขวบขึ้น ย้ำคนทำงานต้องไม่ถูกทอดทิ้ง วางเป้า ปชช. ไม่ล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล
วันนี้ (18 ก.พ.)ที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงข้อสงสัยจากฝ่ายค้าน เรื่องการจัดการระบบสาธารณสุขไทย ระบุว่า สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ 1.บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกท่านต้องได้รับการสนับสนุนให้ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ต้องได้รับการดูแล บำรุงขวัญ 2.ต่อยอดนโยบายเดิม เพิ่มเติมนโยบายใหม่ 3.ประชาชนต้องได้รับการบริการที่ดีที่สุด ทั้งในภาวะวิกฤต และภาวะปกติ
ข้อแรก บุคลากรสาธารณสุขทุกระดับ ทำงานอย่างหนักในช่วงเวลา 2 ปีกว่า ความทุ่มเทของพวกเขาทำให้ประเทศไทย สามารถรับมือกับภาวะโรคระบาดอยู่ได้ อสม. เราได้ดูแลผ่านค่าตอบแทน และสวัสดิการที่เพิ่มให้ ขณะเดียวกัน ได้มองเห็นคุณค่าของพนักงานข้าราชการ ระบบสูญเสียพนักงานเหล่านี้ไม่ได้ ด้วยประสบการณ์ ด้วยความสามารถในการทำงาน ที่มาพร้อมคำถามว่า ทำไม จึงไม่ได้บรรจุ ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนี้ คนกลุ่มดังกล่าว อาจจะหลุดจากระบบ ซึ่งจะส่งผลต่อการให้บริการประชาชน จึงได้เสนอให้เพิ่มขวัญ กำลังใจ ด้วยการเปิดตำแหน่งข้าราราชการ ซึ่งได้บรรจุไปแล้วกว่า 4 หมื่นตำแหน่ง ผู้ที่ยังไม่ได้บรรจุ ก็ขอให้ดูแลเต็มที่ ในอนาคต จะมีการบรรจุตำแหน่งแบ็คออฟฟิศ ฝนตก ต้องตกทั่วฟ้า ส่วนข้าราชการ ได้พยายามดูแลเรื่องค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัยต่างๆ เมื่อทุกอย่างสำเร็จ ระบบสาธารณสุขไทย จะเข้มแข็งขึ้น
ปัจจุบันนี้ ระบบของไทย นับว่ายอดเยี่ยมมาก ไทยได้รับการจัดเป็นอันดับที่ 5 (รองจากสหรัฐ ออสเตรเลีย ฟินแลนด์ และแคนาดา) จาก 195 ประเทศทั่วโลกที่มีความเข้มแข็งด้าน “ความมั่นคงด้านสุขภาพ” จากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอปกินส์ และอันดับ 1 ด้านการ ตรวจจับโรค และรายงานที่รวดเร็ว ซึ่งมันทำให้เรามีประสิทธิภาพในการางแผนรับมือกับสถานการณ์ เรื่องวัคซีน มีสมาชิกฝ่ายค้านถามว่า จะฉีดถึงเมื่อไหร่ คำตอบคือ จะฉีดจนกว่าประเทศไทย จะปลอดภัยสูงที่สุด เท่าที่จะทำได้ วัคซีนไม่ได้ป้องกันโรค 100% แต่ลดโอกาสป่วยหนัก ถึงเสียชีวิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ อัตราการสูญเสียต่อวันต่ำว่า 0.2% ก็เพราะวัคซีน ส่วนผู้ที่เสียชีวิต ก็คือไม่ได้รับวัคซีน และมีโรคประจำตัว เรากราบเรียนเสมอว่า ให้คนไทยเข้ารับวัคซีน ผู้สูงวัยยิ่งมีความจำเป็น ส่วนวัคซีนเด็ก เราไม่เคยฉีดตามอำเภอใจ เมื่อมีไฟเขียวจากคณะผู้เชี่ยวชาญ เราถึงกล้าฉีด
“จำได้ไหม ผู้ผลิตซิโนแวคเสนอขึ้นทะเบียนฉีดให้เด็ก 3 ขวบ แต่ เมื่อได้ข้อมูล เอกสาร การวิจัย การทดลอง มาแล้ว เราประชุมกับผู้ทรงคุณวุฒิแล้วฟัง ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิบอกว่า ขอให้ใช้ตั้งแต่ 6 ขวบ เราทำตาม นี่คือตัวอย่างของสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐาน ระบบเราเข้มแข็ง และมั่นคงเกินมาก ขอให้ประชาชนไว้วางใจ”
ประการที่สอง ด้วยความเข็มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขที่มีมาแต่เดิม บัตรทอง ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ไม่มีใครลืม นี่คือสิ่งที่ดีมาก หน้าที่ของเราคือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้มีความเป็นเลิศยิ่งขึ้นไป และจะไม่ยอม ให้มีใครต้องล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล เราเดินหน้าโครงการมะเร็งรักษาฟรี, ฟอกไตฟรี, 30 บาท รักษาทุกที่ เหล่านี้ เพื่อคุณภาพีชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยไม่ต้องไปเป็นภาระครอบครัว มีกำลังวังชา ทำงาน กลายเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายต่างๆ มีการศึกษาแล้วว่าคุ้มค่า สิ่งที่ตนพูด ตนได้ทำ ทำทุกเรื่อง เรื่องกัญชา พ.ร.บ.กำลังบรรจุเข้าสภา ขอบคุณทุกท่านในที่นี้ ที่ให้การสนับสนุน
“ท่านทราบหรือไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการฟอกไตแต่ละครั้งนั้นเป็นมูลค่าถึง 1,500 บาท หลายคนต้องฟอกไตถี่ถึงสัปดาห์ละสองครั้ง ถามว่าคนหาเช้ากินค่ำจะเอาเงินที่ไหนไปฟอกไต ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายอย่างนี้ชนชั้นกลางยังลำบากครับ แต่ท่านเชื่อหรือไม่ว่าทุก ครอบครัว ไม่มีใครไม่ดิ้นรนจนสุดตัวที่จะรักษาชีวิตของคนที่ตนรัก พวกเขาก็ไปกู้หนี้ยืม สินมา ดังนั้น ผมจึงยินดีอย่างยิ่งที่พวกเราสามารถผลักดันนโยบายฟอกไตฟรีได้จนสำเร็จ ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ เราพูดแล้วทำ และทำได้จริงๆ”
ประการที่สาม เรามุ่งให้คนไทยได้รับบริการทางสาธารณสุขที่เป็นเลิศ ไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่ว่าจะในภาวะวิกฤตหรือภาวะปกติ นั่นคือเหตุผลที่เราเป็นเพียง ไม่กี่ประเทศที่ให้บริการทั้งโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามอย่างเต็มที่ ร.พ.บุษราคัม คือ ตัวอย่างของความทุ่มเท
นอกจากนั้น เรามีระบบการกักตัวที่บ้านและชุมชนที่ดีเยี่ยม ส่วนสำคัญ เพราะพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ ระบบดังกล่าวถูกใช้เป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับ ภาวะของโรค และเพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขให้ยังสามารถบริการประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยอื่นๆ ได้อย่างเป็นปกติ เรื่องยา และเวชภัณฑ์ เราพยายามสร้างความมั่นคงสูงสุด เราผลิตยาสำคัญได้เอง ชุด PPE เราก็ผลิตได้เอง ขณะเดียวกันยังสต็อกยาไว้หลากหลายชนิด เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้ป่วย เพราะสิ่งที่เราเห็นว่ามีความสำคัญที่สุดคือชีวิตคน