“กมธ.พัฒนาการเมือง” แคร์ต่างชาติ! กังวล “ร่าง พ.ร.บ.คุมเอ็นจีโอ” ลิดรอนเสรีภาพ ภาคประชาสังคมไม่เอาด้วย ชี้ มี กม.อื่นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่ม
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่รัฐสภา น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลภายหลังการประชุม กมธ. ที่ได้มีการพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร พ.ศ. ... ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 2) ว่า กมธ. มีข้อห่วงใยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินกิจกรรมองค์กรไม่แสวงหารายได้หรือกำไรมาแบ่งปัน พ.ศ. ... เกี่ยวกับหลักการและสาระสำคัญ โดยได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วมประชุม ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาสังคมต่างๆ โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งจะนำความเห็นข้อกังวลและข้อห่วงใยของทุกภาคส่วนมาวิเคราะห์เพื่อเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการปรับปรุงร่างกฎหมายให้มีความสมบูรณ์และเกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน โดยมีความเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ผู้แทนกระทรวง พม. ให้ความเห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ มีหลักการสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคประชาสังคมในองค์กรต่างๆ ให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข 2. ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ให้ความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กร ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ... โดยได้ให้ส่งความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ได้เสนอข้อห่วงใย และข้อกังวลเพื่อประกอบการพิจารณา
น.ส.สุทธวรรณ กล่าวต่อว่า 3. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นในการพิจารณาปรับปรุงในการจัดทำร่างกฎหมาย โดยได้นำความเห็นของคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบการฟอกเงินขององค์การระหว่างประเทศกับองค์กรภาคประชาสังคมภายในประเทศ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง จึงทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีการเพิ่มกระบวนการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรภาคประชาสังคม 4. ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม อยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดและประเด็นสำคัญเพื่อเสนอต่อ พม. โดยในภาพรวมมีความกังวลว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายมากำกับดูแลและควบคุมองค์กรภาคประชาสังคม เนื่องจากมีกฎหมายอื่นซึ่งใช้ในการควบคุมดูแลอยู่แล้ว
“กมธ. มีความเห็นว่า การจัดทำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ ควรจะต้องมีการรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน เพื่อนำมาประกอบการจัดทำหมายเพื่อสร้างความสมดุล ระหว่างภาคส่วนต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งด้านความมั่นคง ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านสิทธิเสรีภาพของ ประชาชน เป็นต้น ดังนั้น กมธ.จะได้มอบหมายให้คณะทำงานศึกษาแนวนโยบายและกฎหมายภาครัฐที่ เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ดำเนินการรวบรวมข้อมูลจะจัดทำความเห็นเสนอ กมธ.เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียต่างๆ หากรัฐบาลเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวนี้เข้าสู่สภาในขั้นรับหลักการ เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการอภิปรายคัดค้านหรือให้ข้อเสนอแนะต่อร่างพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 77 ความจำเป็นในการให้มีกฎหมายและกติกาสากลระหว่างประเทศในการออก กฎหมายให้เป็นที่ยอมรับต่อไป” โฆษก กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าว
ด้าน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าวว่า มีหลายหน่วยงานเอ็นจีโอที่ยื่นเรื่องเข้ามาที่ กมธ.เพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งเราได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง โดยได้ถามถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมถึงเกิดร่างนี้ขึ้น โดย พม.ร่างกฎหมายนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริม แต่ทางสำนักงานกฤษฎีกา ได้มีข้อท้วงติงจาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินใน 8 ประเด็น เกี่ยวกับเรื่องการก่อการร้ายการฟอกเงิน ทำให้สุดท้ายความตั้งใจแรกที่ต้องการส่งเสริมการรวมกลุ่มของภาคประชาชน กลับกลายเป็นร่างขัดขวาง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่วิตกกังวลกับหน่วยงานเอ็นจีโอในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น
“พม.ออกมาให้ข้อมูลว่ามีความคิดเห็น เห็นด้วยถึง 76% แต่แท้จริงแล้วหน่วยงานภาคประชาสังคมทั้งหมดไม่ได้ให้ความร่วมมือ โดยอยู่ระหว่างการคัดค้านและยื่นหนังสือต่อหน่วยงานต่างๆ ว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อวาน (17 ก.พ) เราได้เชิญกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เข้ามาหารือ โดยให้ความเห็นว่าเป็นที่น่ากังวลต่อนานาประเทศ ว่า หากรัฐบาลไทยประกาศกฎหมายฉบับนี้ หลายประเทศก็ต้องทบทวนบทบาทที่จะเข้ามาในไทย เนื่องจากหลายมาตราลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อดำเนินกิจกรรมบางอย่าง กมธ.ชุดนี้ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เบื้องตนเราให้ความเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้มีข้อบกพร่องจำนวนมากจริงๆ จึงขอให้ประชาชนแสดงความเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้” นายณัฐชา กล่าว