รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจงปมเก็บกวาดน้ำมันรั่ว ยัน กระทรวงทรัพย์ ไม่เคยจะวิ่งหนีหรือแก้ตัว-ไม่มีเหตุผลที่จะมาต้องนั่งปิดบังว่าน้ำมันรั่วเท่าไหร่ อ้างแม่บ้านกระทรวงทรัพย์ นึ่งปูมาแล้วมัดหนังยางไม่เหมือนเดิม แขวะควรพูดถึงแก่น ไม่อยากพูดถึงกระพรี้ เสียเวลาสภา
วันนี้ (18 ก.พ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงกรณีน้ำมันรั่วไหล ในพื้นที่จังหวัดระยอง ว่า การใช้สาร Dispersant หากได้ฟังตอนที่ตนตอบกระทู้ ส.ส. ก็จะจำได้ หรือตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในในคืนวันที่ 25 ก็จะจำได้ว่าน้ำมันรั่วในเวลา 22.00 น และหยุดเวลาเที่ยงคืนกว่า ซึ่งทุกคนคงทราบว่าเวลาใครอยู่ที่ทะเลจะมืด มองไม่เห็นว่าน้ำมันที่รั่วออกมาลอยอยู่ตรงตรงส่วนไหน ซึ่งบูมยังเตรียมออกมาก็ไม่ทัน เนื่องจากว่าที่บริษัทจะมาแจ้งก็ตอนที่หยุดน้ำมันได้แล้ว การใช้สาร Dispersant อัตรา 1 : 20 หากจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องนำบูมน้ำมันมาล้อมน้ำมันทั้งหมดที่รั่ว จึงจะใช้สาร dispersant ในอัตรา 1 : 20 หรือ 1 : 10 แต่เมื่อไม่ทราบว่าน้ำมันที่รั่วไหลออกมาลอยไปยังทิศทางใด กระแสน้ำไปทางไหน ฉะนั้น การที่จะแก้ไขปัญหาในเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ให้ได้เร็วที่สุด ต้องฉีดไปทั้งตอนกลางคืน จะปล่อยให้เช้าคงลอยขึ้นฝั่งไม่ได้ และต้องฉีดเข้าไปให้ได้มากที่สุด ในที่คาดว่า กระแสน้ำจะไหลไป และตนก็ได้ตอบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการตอบกระทู้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว
นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะที่ปริมาณน้ำมันนั้นจะรั่ว 50,000 หรือ 100,000 ลิตร เบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง กรมเจ้าท่า จะไม่ยอมสามารถรู้ได้ว่ารั่วตรงไหน คนที่จะตอบได้ดีที่สุด คือ บริษัทที่เป็นต้นเรื่องว่าเป็นอย่างไร เมื่อได้ข้อมูลจากบริษัทมาแล้วก็เอาข้อมูลตรงนั้นมาก่อนเพื่อเอามาแก้ไขสถานการณ์ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอน การตั้งคณะกรรมการสอบสวน ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นมาจากอะไร และรั่วออกมาเท่าไหร่ เมื่อบริษัทบอก 50,000 ลิตร เราก็ต้องเอาเท่าที่บริษัทบอก หากใช้มากหรือน้อยก็มีปัญหาอีก ข้อมูลที่ออกมาจากบริษัทจึงต้องนำมาใช้คำนวณการใช้สาร ในเบื้องต้น
“ส่วนประเด็นที่บอกว่าจับปูมาแล้วมัดหนังยางสติ๊ก ไม่เหมือนกัน ตนมองว่า อย่าไปพูดถึงดีกว่า เพราะอยากพูดถึงแก่น ไม่อยากพูดถึงกระพรี้ เสียเวลาสภาแห่งนี้ แต่จะขออนุญาตไปสอบปากคำแม่บ้าน ที่เอาปูไปนึ่งให้ทนทานที่กระทรวง หากจำเป็นก็จะตั้งคณะกรรมการสอบให้ ว่า มัดหนังสติ๊กกลับมาให้ตนทานอย่างไร ตอนที่เอาไปนึ่งแล้วไม่เหมือนเดิม ต้องขออภัยด้วย” นายวราวุธ กล่าว
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ส่วนพิษของสารเคมี ใน Generation ที่ 3 นี้ เป็นคุณภาพ Food grade คุณสมบัติของไฮโดรฟิลิก กับ ไฮโดรโฟบิก ทำให้น้ำมันสามารถสลายและละลายกับน้ำทะเลได้ และเมื่อระยะเวลาผ่านไปแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรืออะไรจะเป็นกาสิโนเจนิก ที่ทำให้เกิดมะเร็งทั้งสิ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปจุอินทรีย์ในทะเลสามารถกัดกร่อนตัวน้ำมัน และสาร Dispersant ที่ควบรวมกันแล้ว น้ำทะเลที่มีปริมาณมากความเป็นพิษก็จะค่อยๆ สลายไป ตามขั้นตอนต่างๆ
“ฝากถาม ส.ส. เวลาตั้งโรงงานขึ้นมาแห่งหนึ่ง ท่านตั้งกระทู้ถามหน่วยงานไหน เวลาอยู่ในทะเลทันตั้งกระทู้ถาม หรือขออนุญาตหน่วยงานไหน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรามีหน้าที่มาเก็บกวาดปัญหาที่เกิดขึ้น เราไม่เคยจะวิ่งหนีหรือมาแก้ตัว และไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะมาต้องนั่งปิดบังว่าน้ำมันรั่วมาเท่าใด” นายวราวุธ กล่าว