นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษใช้แบบจำลอง Oil Map คาดการณ์การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่องเมื่อความเร็ว-ทิศทางของลมและคลื่นเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันพัดสู่แหล่งปะการัง-หญ้าทะเล ชายหาด และอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
นายวราวุธ กล่าวว่า โชคดีที่เมื่อวาน (11 ก.พ.) คราบน้ำมันที่รั่วไหลบริเวณมาบตาพุดยังอยู่ในวงล้อมของ Boom เนื่องจากไม่มีคลื่นลม โดยห่างจากชายฝั่งหาดแม่รำพึง 7 กิโลเมตรและห่างจากชายฝั่งเกาะเสม็ด 10 กิโลเมตร แต่วางใจไม่ได้ จึงสั่งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมควบคุมมลพิษจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้อมกาง Boom สกัดกั้นคราบน้ำมันตลอดแนว เตรียมแผ่นซับน้ำมัน (Absorbent Sheet) ไว้ขจัดคราบน้ำมันทันที หากพัดสู่ชายหาด
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ผู้แทนของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน (SPRC) ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต โจเซฟ โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมาพยายามอุดรอยรั่วของท่ออ่อนใต้น้ำของทุ่นลอย (SPM) น้ำมันใต้ทะเลซึ่งเป็นจุดที่รั่วไหลเมื่อวันที่ 25 มกราคม แต่มีน้ำมันค้างท่ออยู่จึงไหลลงสู่ทะเลอีกครั้ง นายวราวุธระบุว่า คำชี้แจงดังกล่าวสร้างความแคลงใจอย่างมากเนื่องจากกรมเจ้าท่ามีคำสั่งห้ามดำเนินการใดๆ ตั้งแต่เกิดเหตุครั้งแรก จึงต้องตรวจสอบว่า เหตุใดจึงไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องสืบหาพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง รวมถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ตลอดจนปริมาณการรั่วไหลที่แท้จริง ที่สำคัญให้บริษัท SPRC ดำเนินการตามขั้นตอนและข้อกำหนดในการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วไหลอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันรั่วไหลขึ้นชายฝั่งทั้งหาดแม่รำพึง และอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ขณะนี้มีเรือเฝ้าระวังประจำจุดรั่วไหล 11 ลำ ประกอบด้วย เรือ Boom 6 ลำ และเรือพ่นสารเคมี 5 ลำ และมีการกาง Boom 3 ปาก ซึ่ง Boom แต่ละปากมีความยาวประมาณ 200 เมตร และมีกาง Boom บริเวณหน้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด 2 ปาก
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ จะร่วมกับกองทัพเรือ ประเมินเกี่ยวกับความเหมาะสมในการใช้ Dispersant สารขจัดคราบน้ำมันในกรณีที่มีการรั่วไหลของน้ำมันเพิ่มเติม พร้อมมอบหมายให้กรมเจ้าท่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกรมโรงงานอุตสาหกรรมสำรวจท่อขนถ่ายน้ำมันเพื่อตรวจสอบหาจุดที่อาจจะมีการรั่วไหลและซ่อมแซมให้อยู่เพื่อป้องกันการรั่วไหล
นายวราวุธ ยืนยันว่า ทุกหน่วยงานจะร่วมกันประเมินความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยให้บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่า พร้อมรับผิดชอบทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นต้องดำเนินคดีตามตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยไม่มีข้อยกเว้น