ข่าวปนคน คนปนข่าว
** 21 ส.ส.ก๊วนธรรมนัส ยังต้องลุ้นระทึก ปมมติขับพ้น พปชร.ที่คำตอบยังอยู่ในมือ กกต.
กรณี “21 ส.ส.ก๊วนธรรมนัส” ถึงวันนี้ยังไม่เคลียร์ ว่า มติที่ขับพ้นพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 65 ที่ทำกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ นั้น เป็นไปโดยชอบหรือไม่
เรื่องนี้ มีผู้ไปร้องต่อ กกต. 2 ราย คือ “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และ “สมัย รามัญอุดม” ซึ่งอ้างว่า เป็นสมาชิกพรรค พปชร. พร้อมรายชื่อสมาชิกพรรครวม 155 คน ยื่นคำร้องตามมาตรา 42 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 อ้างว่า มติขับ “21 ส.ส.” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส.ส.ที่ถูกขับครั้งนี้ จะต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน เพื่อรักษาสถานภาพ ส.ส. ซึ่งวันสุดท้ายที่จะครบกำหนด คือ วันที่ 18 ก.พ.ที่จะถึงนี้... ปรากฏว่าระหว่างนั้นมี ส.ส 18 คน ได้ไปสมัครเข้า “พรรคเศรษฐกิจไทย” เป็นที่เรียบร้อย ส่วนอีก 3 คน คือ “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.บัญชีรายชื่อ “สมศักดิ์ พันธ์เกษม” ส.ส.นครราชสีมา และ “วัฒนา ช่างเหลา” ส.ส.ขอนแก่น ขอรอความชัดเจนจาก กกต.ก่อนว่า มติที่ขับพ้นพรรคนั้น เป็นไปโดยชอบหรือไม่
ถ้ามติขับพ้นพรรคเป็นไปโดยชอบ ก็ไม่มีปัญหาอะไร...แต่ถ้า กกต.บอกว่า “มตินั้นมิชอบ” นั่นหมายความว่า 21 ส.ส.คงยังสถานภาพเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แล้ว 18 ส.ส. ที่รีบไปเข้าพรรคเศรษฐกิจไทย ก็งานเข้าทันที ...ถึงขั้นหลุดจากการเป็น ส.ส. เนื่องจาก ส.ส. 1 คน เป็นสมาชิกพรรคได้เพียง 1 พรรคเท่านั้น
เรื่องนี้มีการคาดหมายว่า กกต.ประชุมเพื่อจะพิจารณาชี้ขาดกันในช่วงบ่าย วันที่ 14 ก.พ. 65 ...จะด้วยเพราะว่ากลัวงานเข้า 18 ส.ส.หรือไม่ ก็ไม่ทราบได้ ปรากฏว่า ช่วงเช้าวันที่ 14 ก.พ. “สมัย รามัญอุดม” ผู้ร้อง ก็โร่ไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ชะลอการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ก่อน เนื่องจากได้ยื่นคำร้องเพิ่มเติมอีก 11 ประเด็น พร้อมทั้งขอให้ กกต.ตรวจสอบรายชื่อสมาชิกพรรคให้รอบคอบอีกครั้ง หลังจากที่มีข่าวว่า 155 คน ที่มาเข้าชื่อกันยื่นคำร้องเรื่องนี้ เป็นสมาชิกพรรค พปชร. เพียง 99 คน อีก 56 คน ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงผิดเงื่อนไขข้อกฎหมายในการยื่น ที่ต้องใช้ชื่อสมาชิกไม่น้อยกว่า 100 คน ซึ่งอาจทำให้คำร้องนี้ตกไป
ในเวลาไล่เลี่ยกัน “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ที่อาจมีแหล่งข่าววงใน ก็โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ ในเชิงแสดงความยินดีกับ “18 ส.ส.ก๊วนธรรมนัส” รับวาเลนไทน์ ว่า ในการประชุม กกต.ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายนั้น ไม่มีวาระการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะการจะตัดสินว่ามติพรรคถูกต้องหรือไม่ เป็นหน้าที่ของ เลขาธิการ กกต. ในฐานะ “นายทะเบียนพรรคการเมือง” ก็พอ ไม่ต้องถึงที่ประชุม กกต.
...ประมาณว่า กกต.เล่นเป็น ที่ “โยนเผือกร้อน” ไปให้นายทะเบียนพรรคการเมืองชี้ขาด ...ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรนั้น เป็นที่คาดหมายกันได้ ... เพราะ “สมชัย” ได้ทิ้งท้ายด้วยการแสดงความยินดี กับพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ไม่ต้องส่งผู้สมัคร ก็ได้ ส.ส.มา 18 คน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ ก็ขอให้รีบหาพรรคสังกัดก่อน 18 ก.พ. อย่ามัวฉลองวาเลนไทน์ จนเพลิน
แล้ววันที่ 14 ก.พ. ก็ผ่านไป โดยไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ กกต.ยังมีวาระที่ต้องประชุมในวันที่ 15 ก.พ.อีกครั้ง ซึ่งจะมีเรื่อง มติขับ 21 ส.ส. หรือไม่ 18 ส.ส.เศรษฐกิจไทย ยังต้องลุ้นระทึก !!
ว่ากันว่า คำร้องของ “พี่ศรี” ที่เกี่ยวกับปัญหาความถูกต้องของมติพรรคการเมืองนั้น ผู้มีอำนาจวินิจฉัยโดยตรง คือ เลขาธิการกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง
ส่วนคำร้องของ “สมัย รามัญอุดม” นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่จะพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งก่อนหน้านี้ “แสวง บุญมี” รักษาการเลขาธิการ กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีความเห็นต่อเรื่องนี้ เสนอ กกต.ว่า ... กกต. ไม่ควรรับคำร้อง เนื่องจากตรวจสอบรายชื่อการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ที่ “สมัยกับพวกทั้ง 155 คน” นั้น ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เพียง 99 คน คำร้องจึงไม่ถูกต้อง และ กกต. ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 รับทราบการดำเนินการของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 65 แล้ว ว่าเป็นไปตามกฎหมาย แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.ว่าจะมีความเห็นอย่างไร
ส่วนคำร้องที่ “สมัย” มายื่นในวันที่ 14 ก.พ. ขอให้ชะลอการพิจารณา และให้ตรวจสอบรายชื่อสมาชิกพรรค พปชร.155 คนนั้น ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนการรับเรื่อง และตรวจสอบคำร้อง จึงไม่น่าจะเข้าพิจารณาในคราวเดียวกัน แต่อาจจะมีการรายงานให้ กกต.ทราบ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คนวงใน กกต.เห็นว่า ตามกฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบัน เมื่อพรรคมีมติ ก็จะถือว่ามีผลในทางกฎหมายทันที แตกต่างกับกฎหมายพรรคการเมืองในอดีต ที่แม้พรรคการเมืองมีมติ แต่ต้องรอการตอบรับจากนายทะเบียนพรรคการเมือง จึงจะมีผลทางกฎหมาย
ดังนั้น กรณีนี้เมื่อพรรคมีมติขับ 21 ส.ส. ผลทางกฎหมายเกิดขึ้นทันที โดย 21 ส.ส. ต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดภายใน 30 วัน ซึ่งหากต่อมานายทะเบียนพรรคการเมือง หรือ กกต. เห็นว่า มติขับไม่ถูกต้อง และสั่งเพิกถอน ก็เท่ากับว่า 21 ส.ส. ยังคงเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเช่นเดิม
ล่าสุด สองพ่อลูก “ตระกูลช่างเหลา” ไปสมัครเข้าพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังถือว่า “21 ส.ส.” จะอยู่หรือไป อยู่ที่ กกต.จะชี้ขาด!!
**“วราวุธ” กับ “รักต้องห้าม” ของพ่อบรรหาร!! แชร์หวานวาเลนไทน์เดย์ ได้ “tie-in” เรียกคะแนนแก้กฎหมายอีกต่างหาก
วาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นอกจากเป็นสัญลักษณ์ของวันแห่งความรัก “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ถือเอาเป็นวันบอกเล่าย้อนเส้นทางความรักระหว่างตัวเขา และภรรยา “สุวรรณา ศิลปอาชา”
“วราวุธ” บอกเล่าเรื่องผ่านคลิปวิดีโอ บนยูทูบชื่อ “Valentine day เส้นทางรัก 28 ปี ที่เกือบไม่ได้แต่งงานกัน พร้อมสนับสนุนสมรสเท่าเทียม” โดยเล่าว่า ประสบการณ์ความรักของตัวเองเป็นเสมือน “รักต้องห้าม” ที่ “พ่อบรรหาร” ไม่เห็นด้วย จนกระทั่งคบหากันนานกว่า 8 ปี ผ่านอุปสรรคระหว่างครอบครัวทั้งสองฝ่าย จนได้ลงเอยแต่งงาน
เหตุที่ “พ่อบรรหาร” ไม่เห็นด้วยเรื่องแต่งงาน เพราะอยากให้ทำงานการเมืองก่อน อยากให้มีอาชีพที่มั่นคง พร้อมทั้งอยากให้มีคู่ครองที่เป็นคนมีชื่อเสียง
ส่วนครอบครัวภรรยาก็อยากให้ลูกสาวช่วยธุรกิจที่บ้านก่อน ซึ่งช่วงนั้นประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง กระทบถึงธุรกิจครอบครัวภรรยาจนล้มละลาย ทำให้คนรอบข้างยิ่งไม่เห็นด้วย แต่ทั้งคู่ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองมาโดยตลอด จนมาถึงด่านขออนุญาต “พ่อบรรหาร” แต่งงาน แต่พ่อก็ยังไม่เห็นด้วย พร้อมประกาศไม่สนับสนุนค่าสินสอดใดๆ ถ้าจะแต่งก็แต่งกันเองเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ “วราวุธ” เล่าว่า ตัวเขาไม่ฟังคำคัดค้าน ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งไม่ฟัง เดินหน้าจัดงานแต่งภายใน 1 เดือน หลังโดนคัดค้านทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเลย แหวนเพชรหมั้น ก็ยืมเขามา จบงานก็รีบเอาไปคืน มีเพียงเงินก้อนเดียวที่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในงาน โดยในงานมีทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มาร่วมแสดงความยินดี มีอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มาเป็นประธานพิธี มีคนร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 4,000 คน แต่ไร้เงา “พ่อบรรหาร” ซึ่งในช่วงนั้นเกิดเป็นกระแสข่าวใหญ่ ลงหนังสือพิมพ์หลายสำนัก ว่า บรรหารไม่ปลื้มลูกสะใภ้ เมินงานแต่ง มีแต่ “คุณหญิงแจ่มใส” เท่านั้น ที่เดินทางมาร่วมงานลูกชายและลูกสะใภ้
หลังงานแต่ง “วราวุธ” บอกว่า ใช้ชีวิตทำงานในตำแหน่งเลขานายกรัฐมนตรี เลี้ยงดูครอบครัวแบบมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ไม่มีแม่บ้าน ไม่มีพี่เลี้ยงลูก จนกระทั่ง 3 ปีผ่านไป เข้าไปเจอ “พ่อบรรหาร” อีกครั้ง เริ่มสานสัมพันธ์กันใหม่ เข้าหาด้วยเรื่องงาน จนสุดท้ายก็ปรับความเข้าใจกันได้ เพราะพ่อก็รอให้ลูกมาง้อ ต่างฝ่ายต่างถือทิฐิ และพ่อบรรหาร ก็เห็นแล้วว่าทั้งคู่รักกันจริง อดทนฝ่าฟันพิสูจน์ตัวเองมาหลายบททดสอบ
“วราวุธ” สรุปในตอนท้ายว่า ตัวเองโชคดีที่ได้แต่งงานกับคนที่รัก กฎหมายประเทศไทยรองรับการแต่งงานระหว่างชาย หญิง เหตุที่ตัวเองมาแชร์เรื่องราวความรักในวันนี้ เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ “วันแห่งความรัก” ซึ่งก็มีคู่รักหลายคู่ที่สุขสมหวังในการแต่งงาน แต่ก็มีคนไทยคู่รัก LGBTQ กว่า 3,600,000 กว่าชีวิต ที่ยังไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตัวเองและภรรยาพร้อมทั้งพรรคชาติไทยพัฒนา ขอเป็นแรงสนับสนุนการสมรสเท่าเทียม โดยการแก้ไขร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ปพพ. 1448 เพื่อให้คนทุกคนได้ใช้สิทธิที่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
นี่เป็นอีกสีสันวันวาเลนไทน์ ที่ต้องบอกว่า เป็นคอนเทนต์ที่ไม่ธรรมดาของ “ลูกท็อป” นอกจากแชร์ประสบการณ์รักแล้ว ยังได้ tie in เนียนๆ เรียกคะแนนแก้กฎหมายอีกต่างหาก