“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันพุธที่ 25 มกราคม 2565 ตอน 3 ปมใหญ่ ขับก๊วนธรรมนัส วัดใจ กกต.สอบมติเถื่อน?
ผ่านมาครบ 7 วันแล้วกับมติที่ประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเมื่อเย็นวันพุธที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ที่ขับธรรมนัส พรหมเผ่าและ ส.ส.ในกลุ่มรวม 21 คนออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ทั้งหมดจะยกก๊วนเข้าไปร่วมชายคา เปิดตัวพรรคใหม่ เศรษฐกิจไทย และมีข่าวว่ารอเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ช่วงปลายกุมภาพันธ์นี้
แต่มติที่ประชุมป่ารอยต่อฯดังกล่าว ยังถือว่า ไม่นิ่ง เพราะหากให้ทุกอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนตามกฎหมาย การผ่องถ่าย ย้ายโอน ส.ส.กลุ่มธรรมนัส ไปยังพรรคเศรษฐกิจไทย จะต้องรอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง รับรอง มติดังกล่าวก่อนว่าทำถูกต้องตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐและพรบ.พรรคการเมือง ฯ หรือไม่
หากกกต.รับรองและมีประกาศอย่างเป็นทางการออกมา การย้ายพรรคและเปิดตัวพรรคใหม่ของกลุ่มธรรมนัส ถึงจะเกิดขึ้นได้
ดังนั้นในช่วงนี้ มติป่ารอยต่อฯ 19 มกราคม จึงยังมีประเด็นแง่มุมทางการเมืองและข้อกฎหมายให้ต้องติดตามต่อไป โดยเฉพาะ 3 ปมอันตราย คือ
ปมที่หนึ่ง
ต้องดูว่า กกต.จะดำเนินการตรวจสอบแบบลงลึกในมติเมื่อ19 มกราคมว่าทำถูกต้องตามหรือไม่ หลังมีการเปิดเผยข้อมูล ที่มาที่ไปของมติดังกล่าว ทำนองว่ามีการจัดฉาก มีเงื่อนงำ เพื่อให้ กลุ่มธรรมนัส ออกจากพลังประชารัฐจะได้เป็นการแก้ไขปัญหาการเมืองภายในพลังประชารัฐ และต่อรองกดดันรัฐบาล เพื่อจะได้เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีของกลุ่มธรรมนัสได้ง่ายขึเน
จุดสำคัญของประเด็นนี้ก็คือ หนังสือที่ เฮียเบี้ยว สมศักดิ์ พันธุ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พลังประชารัฐ ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และมีข้อให้น่าสงสัยว่า มติป่ารอยต่อฯดังกล่าว มีการจัดฉาก โดยหนังสือดังกล่าวของเฮียเบี้ยว ชี้ว่า มีการเรียกประชุมและลงมติแบบเร่งรีบ รวบรัด
นายสมศักดิ์อ้างว่า ขนาดตัวเองที่โดนขับยังไม่โอกาสได้ชี้แจงต่อที่ประชุมแล้วมาขับออก จึงน่าจะเป็นการทำผิดข้อบังคับพรรคและกฎหมายพรรคการเมือง
จุดนี้ต้องดูว่า กกต.จะดำเนินการตรวจสอบหรือไม่ หรือจะเป็นแค่ตรายาง รับรองมติตามที่พลังประชารัฐส่งเรื่องมา
แต่ทางด้าน พรรคพลังประชารัฐ ส่งหนังสือแจ้งมติดังกล่าวถึง สำนักงานกกต.เมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว และมีการแจ้งเรื่องให้กกต.ทราบเบื้องต้นแล้ว ปมนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์การทำงานของกกต.เช่นกัน
จุดใหญ่ที่ กกต.ต้องตรวจสอบก็คือไปดูว่าองค์ประชุมครบตามจำนวนหรือไม่-เป็นการประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส.กับกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ และวันดังกล่าว ผลการลงมติครบจำนวน 3 ใน 4 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม อดีตกกต.ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลและพลังประชารัฐมาตลอดอย่างสมชัย ศรีสุทธิยากร ก็บอกว่า ปมปัญหาเรื่องนี้ ไม่ไปถึงขั้นยุบพรรคพลังประชารัฐ โดยหากกกต.เห็นว่ายังทำไม่ถูกต้อง ก็แค่แจ้งกลับไปที่พลังประชารัฐให้มีการเรียกประชุมใหม่เพื่อแก้มติ แล้วแจ้งไปยัง กกต.ต่อไป
ปมที่สอง
ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของก๊วนธรรมนัส
มติที่ขับส.ส.21 คน อย่างน้อยๆ แต่ขณะนี้ทำท่าก๊วนธรรมนัส เสียงจะหายไปอีกมากกว่าสองเสียงหรือไม่
ตอนนี้ส. ส. สองคนไม่นับเป็นจำนวนแล้ว คือ
คนแรก วัฒนา สิทธิวัง ส.ส. ลำปาง ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่หลังศาลฎีการับคำร้องคดีทุจริตเลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง
คนที่สอง นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมาน้องภรรยา วิรัช รัตนเศรษฐ์ ที่ศาลฎีกาสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่คดีฟุตซอส
ส่วนเฮียเบี้ยวสมศักดิ์ พันธ์เกษม หลังออกมาแหกโผ ทำพลังประชารัฐและกลุ่มธรรมนัสป่วน อาจจะเด้งไปพรรคอื่น แม้ตอนนี้บิ๊กป้อม เคลียร์ให้ ก็ไม่แน่ สมศักดิ์ ก็อาจเบี้ยวไม่ไปเศรษฐกิจไทยกับธรรมนัส
ขณะที่อีก 19 เสียงที่เหลือ น่าติดตามว่าสุดท้ายแล้วจะแท็กทีมกันแน่น ไปไหนไปกันทั้งหมดหรือไม่ หรือจะมีใครแตกแถว อย่างที่เริ่มมีกระแสข่าว จะมีพลังดูด มาดูดคนในกลุ่มนี้ไปเข้าพรรคอื่นเช่น ภูมิใจไทย ที่จ้องตาเป็นมัน
ปมที่สาม
คือ ท่าทีของบิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะนี้พลเอกประยุทธ์และคีย์แมนพลังประชารัฐสายบิ๊กตู่ กำลังเดินเกม เตรียมรับมือหากสุดท้าย เกิดการแตกหักกับกลุ่มธรรมนัส
การรับมือมีหลายกระบวนท่าเช่น การทาบทามพวกส.ส.ฝ่ายค้านบางส่วน ที่มีปัญหาภายในพรรคตัวเอง ให้เตรียมย้ายมาพรรคขั้วรัฐบาล โดยอาจไม่จำเป็นต้องย้ายมาพลังประชารัฐก็ได้ แต่ให้ย้ายมาภูมิใจไทยเป็นต้น หากเป็นแบบนี้ ก็อาจเห็นงูเห่า ออกมาเพ่นพ่านอีกครั้ง
สามปมอันตรายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการมีมติป่ารอยต่อฯ ในหนึ่งสัปดาห์ แต่ทุกอย่างยังไม่สะเด็ดน้ำ ปัญหายังจะตามมาอีกมาก