“ประยุทธ์” เปิดทำเนียบ หารือ เลขาฯ องค์การสันนิบาตมุสลิมโลก ชื่นชมสังคมพหุวัฒนธรรมของไทย พร้อมสนับสนุนการทำงานของไทยในการสร้างความปรองดอง และสันติภาพในประเทศและในโลกต่อไป
วันนี้ (14 ก.พ.) เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ดร.มุฮัมมัด บิน อับดุลกะรีม อัลอีซา (Dr. Mohammad bin Abdulkarim Al-Issa) เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการสนทนา ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่เลขาธิการองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกเดินทางเยือนไทย ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือที่ดีระหว่างกัน ไทยชื่นชมความเป็นผู้นำทางศาสนา และสนับสนุนแนวทางอิสลามสายกลางของซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างระหว่างศาสนิกชนต่างศาสนา พร้อมหวังว่า การเยือนไทยครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกที่เป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายต่อไป
ไทยยินดีที่เลขาธิการให้ความสนใจในความเป็นพหุสังคมของไทย ที่ประกอบไปด้วย ผู้คนต่างศาสนาที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า ไทยพร้อมสนับสนุนภารกิจขององค์การสันนิบาตมุสลิมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามหลักของศาสนาอิสลาม และเป็นสะพานในการพูดคุยระหว่างผู้คนที่หลากหลายที่จะนำมาซึ่งสันติภาพ ความยุติธรรม และการอยู่ร่วมกัน จึงหวังว่าการเยือนของเลขาธิการในครั้งนี้จะช่วยนำมาซึ่งความแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับโลกมุสลิม
ด้าน เลขาธิการ กล่าวขอบคุณ และยินดีที่การเยือนไทยในครั้งจะช่วยเสริมสร้างและขยายเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศไทยและส่งเสริมปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ระหว่างผู้คนที่มีประเพณีทางศาสนาที่ต่างกัน เลขาธิการรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เยือนไทยในครั้งนี้ ก่อนที่จะเดินทางมาได้ศึกษาประวัติและเห็นถึงความเข้มแข็งของสังคมไทย เป็นหนึ่งในความสนใจในการเดินทางเยือนประเทศไทย
โดย เลขาธิการ เห็นว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งและมีลักษณะที่น่าชื่นชม คือ การมีปฏิสัมพันธ์ที่หลากหลายของสังคมพหุวัฒนธรรม ไม่ปรากฏข้อขัดแย้ง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่ การอบรมในระดับครอบครัว ระดับศาสนาและศีลธรรม และในระดับสถาบันการศึกษา ทำให้สังคมไทยน่าชื่นชม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการอยู่อย่างปรองดองของพหุวัฒนธรรม ทั้งนี้ เลขาธิการ กล่าวยืนยันและพร้อมสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือ และเป็นสะพานพูดคุย เพื่อให้เกิดสันติภาพ และสันติสุขในประเทศ ซึ่งในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ของไทยด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยสามารถเป็นแกนกลางเชื่อมอาเซียนกับประเทศมุสลิม โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเดินหน้าความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมถึงกับองค์การสันนิบาตมุสลิมโลกด้วย