xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ถก ก.บ.ภ.-ก.น.จ.ย้ำทุกหน่วยแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้า-ใช้จ่ายงบรอบคอบตรวจสอบได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ ประชุมร่วม ก.บ.ภ.-ก.น.จ. ย้ำ ให้ทุกหน่วยงานทำงานแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้า เน้นการเชื่อมโยง ใช้จ่ายงบประมาณรอบคอบ สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ กำชับ ติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาจังหวัด-กลุ่มจังหวัด ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย

วันนี้ (14 ก.พ.) เวลา 09.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการประชุม ดังนี้

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำความสำคัญการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า โดยดำเนินการให้มีความสอดคล้องกัน และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการร่วมกันเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานในระยะที่ผ่านมา เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนให้ความสำคัญกับการสื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินงานพัฒนาให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้และสร้างความเข้าใจร่วมกัน โดยทุกหน่วยงานต้องมีการพัฒนาปรับปรุงการทำงานแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้ได้ สอดคล้องกับศักยภาพ โอกาสของแต่ละพื้นที่ และความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งระดับงานฟังก์ชั่น งานจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เน้นบูรณาการแผนงาน แผนคน และแผนเงิน ที่ต้องทำให้สอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของประชาชน ตลอดจนมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เต็มศักยภาพ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างประสานสอดคล้องกัน เกิดผลเป็นรูปธรรม ประเมินผลได้ตามห้วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยภายในปี 2565 ต้องมีผลการดำเนินงานออกมาเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกัน ต้องสามารถชี้แจงให้ประชาชนรับทราบผลการดำเนินงานต่าง ๆ และประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการที่เกิดขึ้น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับพื้นที่ ระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค ขยายมาสู่ภาพรวมในระดับประเทศ

นายกรัฐมนตรีกำชับถึงการใช้จ่ายงบประมาณ ต้องคำนึงถึงรายได้ของประเทศที่มีอยู่ รวมทั้งต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง รอบคอบ สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะในงบให้เปล่าที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ รัดกุม ขณะเดียวกันต้องมีการปรับการทำงานและงบประมาณให้สอดคล้องกับบริบท และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของโลก ทั้งเรื่องพลังงาน สังคม ความมั่นคง ปัญหาสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น นายกรัฐมนตรี ยังให้นโยบายการตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินการ ตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงต้องมีการตรวจติดตามประเมินผลทั้งในหลักการและเชิงนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์ทั้งทางตรงและโดยอ้อม โดยเฉพาะการฝึกอบรมที่ต้องมุ่งให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับ มติต่างๆ ที่ออกไปต้องมีการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาปรับปรุงแผนงานโครงการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลทำงานแบบกระจายอำนาจ มุ่งเน้นการทำงานและแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้า พัฒนาศักยภาพ สร้างความเชื่อมโยง สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วยการวิจัยพัฒนานำสู่การผลิต เชื่อมต่อทุกมิติ เล็ก กลาง ใหญ่ รวมทั้งการพัฒนาขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชน Start up ธุรกิจเก่าและใหม่ โดยขอให้ทุกคนร่วมมือกันขับเคลื่อนเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมกล่าวถึงวันวาเลนไทน์ว่า นอกจากรักตัวเองแล้วก็รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักครอบครัว และรักผู้ร่วมงานทุกคน สังคมและคนอื่น “รักคือรักด้วยความไว้วางใจ” สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างพลังรักและความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อขจัดอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้ โดยทุกคนร่วมมือกัน

สำหรับมติที่ประชุม ก.บ.ภ. และ ก.น.จ. ที่สำคัญ อาทิ ที่ประชุมเห็นชอบ (1) แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566- 2570 (2) แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวนรวม 1,854 โครงการ 40,822.6021 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณที่เห็นควรสนับสนุนในกรอบวงเงิน จำนวน 1,409 โครงการ 29,284.2278 ล้านบาท และงบประมาณที่เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน จำนวน 445 โครงการ 11,538.3743 ล้านบาท (3) ข้อเสนอแผนงานโครงการของส่วนราชการที่สอดคล้องกับร่างกรอบแผนพัฒนาภาค พ.ศ. 2566-2570 ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 937 โครงการ โดยให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญและพิจารณาสนับสนุนงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการภาค (4) การขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการเพื่อชดเชยเงินถูกพับไปของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557-2563 (5) หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการใช้งบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เพื่อดำเนินการตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ (6) การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (อ.ก.บ.ภ.วิชาการ และ อ.ก.บ.ภ.ภาคตะวันออก)

ที่ประชุมรับทราบ (1) การแต่งตั้งผู้แทนภาคประชาสังคมเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (2) การแต่งตั้งผู้แทนภาคประชาสังคมหรือประชารัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (3) การขับเคลื่อนพัฒนาการเชิงพื้นที่ : ตัวอย่างความสำเร็จ และปัญหาอุปสรรค (4) รายงานผลการตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (5) รายงานการตรวจสอบโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน


กำลังโหลดความคิดเห็น