วันนี้ (11 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ใจจริงไม่อยากจะพูดเรื่องสภาล่มซ้ำซากอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าสภาชุดนี้ ถ้ามีการเสนอนับองค์ประชุมเมื่อไหร่ ก็จะล่มเมื่อนั้นทันที แต่เมื่อเห็นมีบางฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะค่อนข้างบิดเบือน ใช้เหตุผลแบบข้างๆ คูๆ ตะแบงกล่าวหา เรื่องสภาล่ม แล้วพาลไปถึงการจะตัดเงินเดือนบ้าง จะไล่ออกจากตำแหน่งบ้าง จะให้ใบแดงบ้าง ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญบ้าง ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 บ้าง ผมเห็นว่า ค่อนข้างจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว จึงขออนุญาตพูดเรื่องนี้แบบชัดๆ อีกครั้งหนึ่ง ว่า ตามหลักการองค์ประชุมของสภาเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคน แต่การรักษาองค์ประชุมให้ครบนั้น เป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เป็นสำคัญ
ฉะนั้น การที่สภาล่มซ้ำซาก เป็นความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำหน้าที่ของวิปรัฐบาล ซึ่งเห็นจากการทำงานของประธานวิปรัฐบาลคนปัจจุบัน คือ คุณนิโรธ สุนทรเลขา ยิ่งทำให้การประสานงาน ระหว่างวิปรัฐบาล กับวิปฝ่ายค้าน มีปัญหา ความสัมพันธ์ค่อนข้างจะห่างออกไปเรื่อยๆ การยอมรับในตัวประธานวิปรัฐบาลมีน้อย เพราะขาดบารมี ไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งผมเคยแสดงความเห็นไว้ตั้งแต่การสรรหาประธานวิปรัฐบาลใหม่ๆ มาแล้ว ข้อห่วงใยของผมก็ปรากฏเป็นจริงขึ้นมาอย่างชัดเจน เห็นได้จากการลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็น ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของประธานวิปคนนี้ ทำให้สมาชิกรับรู้ได้ว่า ไม่มีวุฒิภาวะ ขาดหลักการ และไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ จึงทำให้การประสานงานระหว่างวิปทั้งสองฝ่ายล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
การที่สภาล่มเมื่อวานนี้ ต้องไล่ไปดูตัวเลขของการประชุม พบว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มี ส.ส.แสดงตนเป็นองค์ประชุม 212 คน ไม่แสดงตน 55 คน จากทั้งหมด 267 คน ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน มี ส.ส.แสดงตน 15 คน ไม่แสดงตน 192 คน จากทั้งหมด 207 คน รวมผู้แสดงตน 227 คน ต้องพุ่งเป้าไปที่ ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ได้แสดงตนครบตามจำนวนหรือไม่ การที่องค์ประชุมขาดไป 10 เสียง แต่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ขาดประชุมถึง 55 คน วิปรัฐบาลก็ควรไปไล่เบี้ยกับสมาชิกฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง และวิปรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อการที่สภาล่มเป็นคนแรก ก่อนจะไปกล่าวโทษกับฝ่ายอื่นๆ