xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท”แนะ“บิ๊กตู่”ดูสภาชุด รบ.ชวน2 เสียงมากกว่าฝ่ายค้าน 11 เสียง ยังเป็นรัฐบาลครบเทอมได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า สภาล่มชุดนี้ล่มซ้ำซาก
แนะให้ดูสภาชุดรัฐบาลชวน2 เสียงปริ่มนำ้ มากว่าฝ่ายค้าน 11 เสียง สามารถเป็นรัฐบาล เกือบครบเทอม

ช่วงนี้มีปรากฏการณ์สภาล่ม ให้เห็นอยู่บ่อยๆในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุสภาล่ม 2 ครั้งด้วยกัน เรื่ององค์ประชุมสภา กลับมาเป็นประเด็นที่อ่อนไหวมาก จนมีการกล่าวกันว่า สภาชุดนี้เสนอนับองค์ประชุมเมื่อไหร่ก็ล่มเมื่อนั้น จนมีการโทษกันไปมา ระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ซึ่งตามหลักการแล้วองค์ประชุมของสภา เป็นความรับผิดชอบของ ส.ส.ทุกคน แต่ที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าฝ่ายอื่น นั่นก็คือเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายรัฐบาล

ในทุกยุคทุกสมัยฝ่ายค้าน จะเล่นเกมตอบโต้ฝ่ายรัฐบาล ด้วยการนับองค์ประชุม แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาลมีความเข้มแข็ง ก็สามารถรักษาองค์ประชุมไว้ได้ทุกครั้ง จนฝ่ายค้านก็ไม่สามารถเล่นเกมนับองค์ประชุม เพื่อตัดขาฝ่ายรัฐบาลได้เลย ตัวอย่างเช่นในยุครัฐบาลชวน2 ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาเพียง 11 เสียงเท่านั้น แต่สามารถรักษาองค์ประชุมได้เกือบทุกครั้ง รัฐบาลอยู่จนเกือบครบเทอม ได้ยุบสภาก่อนหมดวาระเพียง 9 วัน ตามสัจจะวาจาที่ประกาศไว้ว่า รัฐบาลจะอยู่ไม่ครบเทอม ซึ่งถ้าหากจะอยู่ครบเทอมก็สามารถทำได้ แต่เพื่อไม่ให้ผิดสัญญาประชาคม จึงได้ยุบสภาในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 6 มกราคม 2544

ในสภาชุดปัจจุบัน ความรับผิดชอบหลัก ต้องเป็นของฝ่ายรัฐบาล แต่กำลังเกิดปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคแกนนำรัฐบาล มีความขัดแย้ง แตกแยก และขาดวินัย จนไม่สามารถจะระดม สส.ทั้งหมด เพื่อมารักษาองค์ประชุมได้ ทั้งที่มีจำนวน ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง มากพอที่จะรักษาองค์ประชุมให้ครบได้ทุกครั้ง

การที่สภาล่มบ่อย เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่บ่งบอกถึงเสถียรภาพของรัฐบาล กำลังง่อนแง่น ไม่สามารถที่จะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้ จะทำให้การผลักดันกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ในสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปด้วยความยากลำบาก และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นสัญญาณการนับถอยหลังของรัฐบาล และอายุของสภาชุดนี้แล้ว เกมการเมือง อนาคตทางการเมืองทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว