วันนี้ (1 ก.พ.) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายสื่อสาร และการบริหารจัดการไฟฟ้าส่องสว่างในพื้นที่ประวัติศาสตร์และพื้นที่เศรษฐกิจ กล่าวว่า เหตุการณ์สูญเสีย พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ คุณหมอกระต่าย จากกรณีที่ถูกตำรวจขี่บิ๊กไบค์มาชนขณะเดินข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิตนั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างสุดซึ้ง จึงอยากให้เรื่องนี้มาเป็นอุทธาหรณ์ให้สังคมหันมาใส่ใจเรื่อง ‘ความปลอดภัยบนท้องถนน’ ให้มากขึ้น
นายอริย์ธัช กล่าวต่อไปว่า หลังเมื่อเกิดกรณีดังกล่าว จะเห็นว่า หลายหน่วยงานโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และบรรดาว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ หันมาสนใจเรื่อง ‘ทางม้าลาย’ และมองเป็นวาระสำคัญมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องดี แต่หากพูดถึงเรื่องความปลอดภัยบนถนน คงจะพูดเฉพาะเรื่องทางม้าลายไม่ได้ และไหนๆ จะพูดเรื่องนี้ก็จำเป็นต้องมองให้ครบทุกด้าน เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นองค์รวม ไม่ใช่เกิดปัญหาหนึ่งก็แก้ปัญหาเดียว เฉพาะจุดเฉพาะเรื่อง อย่างเรื่องสายไฟฟ้าและสายสื่อสารที่รกรุงรังก็เป็นเรื่องความปลอดภัยเช่นกัน และควรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องจัดการ อย่ามองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทัศนยภาพเท่านั้น อย่างเมื่อไม่นานนี้ก็เพิ่งเกิดเหตุไฟไหม้ โชคดีที่ไม่ลุกลามจนสร้างความเสียหายหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ สายที่พาดต่ำยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าคนเดินบนฟุตปาธ หรือรถที่ขับผ่านอาจเกิดการเกี่ยวกระชาก ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ ส่วนเสาไฟฟ้าก็ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินเท้า ยิ่งทางเท้าแคบคนก็ต้องเลี่ยงมาเดินบนถนน
“เมื่อพูดถึงความปลอดภัยบนท้องถนน ผมอยากเห็น ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มีวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหานี้ด้วยการมองไปที่โครงสร้างการจราจรทั้งระบบ ไม่ว่าบนถนน ฟุตปาธ หรือที่แขวนบนอากาศ เพื่อให้มองเห็นงบประมาณทั้งก้อนที่ต้องใช้จัดการเพื่อสร้างความปลอดภัยบนถนนให้คนกรุงเทพฯ รวมถึงเพื่อให้มองเห็นตัวหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะต้องสร้างพื้นที่ให้พูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นองค์รวม เพราะเรารู้ดีว่า ต่อให้เป็นปัญหาเล็กๆ อย่างเอาสายไฟลงดินก็ยังเป็นเรื่องยากเมื่อปฏิบัติจริง เพราะจะมีหน่วยงานรับผิดชอบมากมายแต่ทำงานแยกส่วนกัน
“งานเชื่อมประสานบูรณาการหน่วยงานต่างๆ จึงเป็นหน้าที่ของ ผู้ว่าฯ กทม.ในการเป็นเจ้าภาพหลักเพื่อทำเรื่องนี้ เรื่องความปลอดภัยจะต้องไม่จบแค่เรื่องทางม้าลาย เพียงอย่างเดียวหรือทำแบบไฟไหม้ฟาง พอหมดกระแสก็จางไป และคงไม่ใช่แค่เรื่องสายไฟฟ้าลงดิน ยังมีเรื่องอื่นอีกมาก เช่น การจัดระเบียบทางเท้าให้สมดุลระหว่างร้านค้ากับคนเดินเท้า หากหาเสียงกลุ่มหนึ่งมากเกินไป อีกกลุ่มก็ได้รับผลกระทบ เพราะถ้าร้านค้ามากจนกีดขวางทางสัญจร ทำให้คนต้องไปเดินบนถนนแทนก็เสี่ยงต่อการเฉี่ยวชน แต่ถ้าไล่พ่อค้าแม่ค้าออกหมดก็เกี่ยวพันกับเรื่องปากท้องของคนเมือง ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญทั้งสองเรื่อง และเรื่องแบบนี้แก้ด้วยกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องคิดแบบองค์รวม ต้องมองให้เห็นภาพใหญ่ร่วมกันแล้วจัดทำเป็นแผนที่ชัดเจนออกมานำเสนอต่อประชาชนจึงจะครบถ้วน ถ้าเป็นแบบนี้จะทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะเกิดขึ้น เป็นการแข่งขันกันด้วยนโยบายและแข่งกันด้วยความสามารถในการบริหารจัดการว่าใครจะมีกึ๋นมากกว่ากันในการจัดการปัญหาลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ใน กทม.อย่างแท้จริงเหล่านี้” นายอริย์ธัช ระบุ