กว่า 100 ชีวิต ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป จากบทบาทหน้าที่ ของการเป็น "สารถี" พาทีมแพทย์ไปผ่าตัดอวัยวะจากผู้เสียชีวิต เพื่อรีบกลับมาช่วยอีกชีวิต ที่กำลังรอการรักษา
เช้าวันที่ 26 มกราคม 2565
นายอนุทิน เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดเชียงราย พร้อมหมอพัชร อ่องจริต และทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อไปผ่าตัดนำอวัยวะจากผู้เสียชีวิต จากอาการเส้นเลือดในสมองแตก ได้รับการวินิจฉัยว่าสมองตาย และได้แสดงความจำนงในการบริจาคอวัยวะแล้ว ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการผ่าตัด
เรื่องราวทั้งหมด ได้รับการเปิดเผยโดย นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก นายอนุทิน บึ่งเครื่องบินมาถึงจังหวัดเชียงราย ก่อนอำนวยความสะดวกทีมแพทย์ กระทั่งทำภารกิจสำเร็จ
สำหรับนายอนุทินแล้ว การมาขับเครื่องบินเพื่อสนับสนุนทีมแพทย์ ทำภารกิจด้านสาธารณสุขนั้น เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2557 หลังจากนายอนุทิน ขับเครื่องบินได้คล่องปร๋อ
วันที่ 16 ธันวาคม เสียงปลายสายดังขึ้น
เป็นมิตรคุ้นเคย
“หมอพัชร” โทรมาขอให้นายอนุทิน ขับเครื่องบินไปจังหวัดอุดรธานี เพื่อนำ “หัวใจ” จากผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง มาต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่น
“ช่วยบินให้หน่อยได้ไหมครับ มีความจำเป็นมาก หาการสนับสนุนจากสายการบินไหนไม่ได้เลย ไม่มีไฟล์ท หน่วยงานราชการก็ไม่สะดวก มีเคสต้องไปรับหัวใจจากจังหวัดอุดรธานี มากรุงเทพฯ คืนนี้ตอน 5 ทุ่มกว่าๆ พอจะสะดวกไปไหม?”
คุณหมอชี้แจง แกมขอร้อง
ซึ่งนายอนุทิน ตอบทันทีว่า “ได้เลยครับ”
นี่คือการทำบุญครั้งสุดท้าย ของผู้จากไป ที่ได้แสดงความประสงค์ผ่านเอกสารอย่างชัดเจน มีหรือที่นายอนุทินจะปฏิเสธ ที่สำคัญ ภารกิจของนายอนุทิน ยังทำให้อีกคนมีโอกาสรอดชีวิตด้วย
ระหว่างบิน นายอนุทิน คุยกับหมอ และได้ข้อมูลทางการแพทย์ ว่า แม้จะมีผู้บริจาคอวัยวะ แต่หากไม่สามารถนำ “หัวใจ” ไปไว้ในร่างอีกคนภายใน 4 ชั่วโมง นับจากผ่าตัดออกมา ก็ถือว่าล้มเหลว เพราะอวัยวะใช้การไม่ได้แล้ว
นี่คือปัญหาของทีมแพทย์ เพราะบางทีต้องปฏิบัติภารกิจตอนดึก ซึ่งการเดินทางลำบากมาก
นายอนุทิน รับฟัง ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“นับจากนี้ คุณหมอโทรหาผมได้เลย”
เหตุการณ์ทั้งหมดใน วันนั้นคือ “ปฐมบท” ของภารกิจ “หัวใจติดปีก” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตนายอนุทิน ไปตลอดกาล
แต่นั้นเป็นต้นมา นายอนุทิน ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับสายคุณหมอแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อแสตนบายด์ให้พร้อมสำหรับภารกิจที่มีชีวิต “คน” เป็นเดิมพัน
จากคนที่เคยจิบแอลกอฮอล์บ้าง ก็บอกลากันไป
ภารกิจของนายอนุทินนั้น เป็นคูณูปการในวงการสาธารณสุข โดยวันที่ 26 มีนาคม 2559 สภากาชาด ต้องจัดมอบโล่อันทรงเกียรติแทนคำขอบคุณ
ทั้งนี้ ในการทำภารกิจแต่ละครั้ง นายอนุทิน จะไม่ใช่เพียงพลขับ แต่ยังต้องลงไปช่วยกันถือกล่องใส่อวัยวะ ที่ภายในบรรจุน้ำแข็ง จนทำให้มีน้ำหนักมาก คอยลำเลียง เพื่อให้การเดินทางใช้เวลาสั้นที่สุด
เพราะภารกิจจะลุล่วงได้ หากทุกคนช่วยกัน
และการขึ้นบินแต่ละครั้ง หมายถึงการมีโอกาสได้ช่วยมากกว่า 1 ชีวิต เพราะผู้บริจาค อาจมีอวัยวะที่ใช้การได้มากกว่า 1 ส่วน ซึ่งจำนวนอวัยวะที่ได้รับมา คือจำนวนของผู้ที่จะมีชีวิตได้อยู่ต่อไป
เบื้องหน้าภารกิจคือการช่วยชีวิตคน แต่สิ่งที่มากกว่านั้น คือ สิ่งที่ “นายอนุทิน” ปฏิบัติมาตลอดหลายปี เป็นการ “ทำบุญใหญ่” ครั้งสุดท้ายให้ผู้เสียชีวิต และเป็นการ “มอบความสุข” อย่างล้นเหลือแก่ผู้ที่รอดชีวิต รวมไปถึงครอบครัวของบุคคลนั้น
"ผมเป็นแค่คนขับ คนทำงานจริงๆ คือหมอ"
นายอนุทิน ในฐานะของ "สารถีชีวิต" ให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตน