“ดิศกุล” ตกเก้าอี้เลขาฯคุรุสภา หลังถูกประเมินผลงานไม่ผ่านเกณฑ์ สัญญาจ้างระบุห้ามโต้แย้ง เผย มีพรายกระซิบให้ลาออกก่อนถูกเลิกจ้าง แต่เจ้าตัวไม่ยอม เลือกยื่นค้านเกณฑ์ประเมิน แต่ไม่เป็นผล คน ศธ.วิจารณ์เกณฑ์ไม่เป็นธรรม เหมือนที่ “เลขาฯ สกสค.” คัดค้านและไม่เข้าประเมิน ก่อนหอบเรื่องไปร้องนายกฯ
วันนี้ (20 ม.ค. 65) รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 65 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานกรรมการคุรุสภา ได้ลงนามในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา โดยอ้างถึงการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 65 ซึ่งได้มีการพิจารณาผลการประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานของนายดิศกุลในรอบปีงบประมาณ 2564 แล้วมีมติเห็นชอบผลการประเมินฯ ตามที่คณะอนุกรรมการประเมินฯเสนอต่อคณะกรรมการคุรุสภา ซึ่งปรากฏผลการประเมินฯนายดิศกุล รอบปีงบประมาณ 2564 ได้คะแนนร้อยละ 59.65 ไม่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่ผ่านร้อยละ 75 จึงถือว่า ไม่ผ่านการประเมินตามสัญญาจ้าง จึงเป็นเหตุให้คณะกรรมการคุรุสภาบอกเลิกสัญญาจ้างนายดิศกุลดังกล่าว และได้ส่งหนังสือแจ้งให้นายดิศกุลทราบแล้ว
ทั้งนี้ ในสัญญาจ้างเลขาธิการคุรุสภาได้ระบุด้วยว่า ผลการประเมินของนายจ้างให้ถือเป็นเด็ดขาด ลูกจ้างจะโต้แย้งไม่ได้ และหากลูกจ้างไม่สามารถปฏิบัติงานให้ได้ผลสัมฤทธิ์ตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดได้ หรือไม่ผ่าน
การประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานดังกล่าวในกรณีใดกรณีหนึ่ง นายจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที
สำหรับ นายดิศกุล เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 63 โดยมีกระแสข่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ มีผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งผลการประเมินฯอย่างไม่เป็นทางการให้นายดิศกุลทราบตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 64 และแนะนำให้นายดิศกุล ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เสียประวัติ แต่นายดิศกุลปฏิเสธ พร้อมทั้งได้ร้องคัดค้านเกณฑ์ประเมินฯว่าไม่เป็นธรรมต่อคณะกรรมการคุรุสภาไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องคัดค้านของนายดิศกุลได้ถูกคณะกรรมการคุรุสภาตีตกไป เนื่องจากนายดิศกุลได้ลงนามยอมรับเกณฑ์การประเมินก่อนเข้าสู่กระบวนการประเมินฯไว้แล้ว
ภายในกระทรวงศึกษาธิการยังได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการประเมินฯเลขาธิการคุรุสภาที่นำมาสู่การเลิกจ้างนายดิศกุลว่า เป็นลักษณะเดียวกับที่ นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ได้ยื่นคัดค้านเกณฑ์ประเมินว่าไม่เป็นธรรม เพราะมีการกำหนดเกณฑ์ประเมินภายหลังการดำเนินงานแล้วเสร็จ และกำหนดคะแนนผ่านการประเมินที่ร้อยละ 75 ขณะที่หากปฏิบัติงานได้ตามแผนงานจะได้คะแนนเพียงร้อยละ 60 ซึ่งถือว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะได้ดำเนินงานเสร็จไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาทำผลงานให้ได้ขั้นกว่าตามเกณฑ์ประเมิน แต่นายดิศกุลกลับลงนามยอมรับและเข้ากระบวนการประเมินฯ ส่วน นายธนพร ได้ยื่นคัดค้าน และไม่เข้ากระบวนการประเมินฯเลขาธิการ สกสค. พร้อมต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ขณะที่ตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ที่ต้องมีการประเมินฯในช่วงเดียวกันและใช้เกณฑ์ประมเมินเดียวกันกับเลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ สกสค.นั้น ปรากฏว่า เข้ากระบวนการประเมินเช่นกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยผลการประเมินฯ เนื่องจาก นายอดุลย์ บุสสา ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ได้เกษียณอายุราชการเมื่อเดือน ธ.ค.64 ก่อนที่ผลการประเมินฯจะออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดิศกุล เป็นอดีตข้าราชการที่ได้รับการยอมรับในกระทรวงศึกษาธิการ เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายตำแหน่งจนเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ หลังเกษียณเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการคุรุสภา ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาจ้าง ซึ่งถือเป็นเลขาธิการคุรุสภาคนแรกที่ถูกบอกเลิกสัญญาจ้าง.
