“อดีต หน.กลุ่มประเมิน ศธ.” มองเกณฑ์ประเมิน “เลขาฯสกสค.” เข้าข่ายไม่เป็นธรรม ระบุกำหนดเกณฑ์ให้ผ่านที่ร้อยละ 65 ต้องแจ้งคนถูกประเมินให้รู้ก่อนเริ่มงาน “คน สกสค.” โอดปมขัดแย้งถ่วงพัฒนาองค์กร กระทบครู-บุคลากรฯนับล้านทั่ว ปท. หวังนายกฯลงมาสางปัญหา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
จากกรณีที่ นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ประธานคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ สกสค.) ระบุว่า นายธนพร สมศรี เลขาธิการ สกสค.ไม่ได้ส่งผลการดำเนินงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการประเมินผลงานในเวลาที่กำหนดไว้ และได้ทำหนังสือแจ้งต่อ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค. (บอร์ด สกสค.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด สกสค.ในช่วงสัปดาห์หน้านั้น
รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการระบุว่า กรณีดังกล่าวมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในประเด็นเกณฑ์ประเมินที่ไม่เป็นธรรมระหว่างบอร์ด สกสค. ซึ่ง น.ส.ตรีนุช ยืนกรานว่า เกณฑ์ประเมินที่กำหนดว่า จะต้องผ่านร้อยละ 65 นั้นถือว่าเป็นธรรมแล้ว และเป็นมาตรฐานสากลเพราะเกณฑ์ประเมินของหน่วยงานอื่นๆ จะต้องผ่านการประเมินร้อยละ 80 ด้วยซ้ำ ขณะที่นายธนพรซึ่งร้องคัดค้านเกณฑ์ประเมินต่อบอร์ด สกสค. รวมไปถึงร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยนั้น มองว่า การกำหนดเกณฑ์ประเมินจะต้องผ่านร้อยละ 65 ทั้งที่หากปฏิบัติงานได้ตามแผนงานประจำปี กรรมการประเมินกลับกำหนดว่า จะได้คะแนนเพียงร้อยละ 60 เท่านั้น ซึ่งถ้าจะทำให้ผ่านต้องทำงานมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ตามแผน แต่ก็เป็นไปไม่ได้แล้วเพราะเกณฑ์นี้ออกมาภายหลังจากทำงานเสร็จสิ้นแล้วนั้น
ด้าน น.ส.อัจฉรา รัตนบุญสิน อดีตหัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ เป็นผู้เชี่ยววชาญใน กระบวนการประเมินผล การปฏิบัติงานของกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความเห็นว่า เท่าที่ติดตามเรื่องนี้เห็นว่า เกณฑ์การประเมินที่บอร์ด สกสค.กำหนดนั้นเข้าข่ายไม่เป็นธรรม เพราะวัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงานที่แท้จริง เพื่อนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อมุ่งหวังที่จะประเมินให้ผู้หนึ่งผู้ใดตกการประเมิน และออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด
น.ส.อัจฉรา ระบุด้วยว่า ประเด็นปัญหาไม่ได้อยู่ที่กำหนดเกณฑ์ประเมินจะต้องผ่านร้อยละ 65 หรือร้อยละ 80 แต่อยู่ที่ว่ามีการแจ้งหลักเกณฑ์ให้ทราบก่อนการทำงานหรือไม่ว่า หากปฏิบัติงานได้ตามแผนได้จะได้คะแนนเท่าใด และหากต้องการผ่านประเมินจะต้องทำให้ได้มากกว่าแผนงานหรือไม่ หรือในความเป็นจริง ถ้าปฏิบัติได้ตามแผนงานก็ควรได้คะแนนเต็มหรือร้อยละ 100 แต่การกำหนดเกณฑ์ว่าถ้าทำงานครบตามแผนแล้วได้เพียงแค่ร้อยละ 60 นั้นคงไม่ถูกต้อง และไม่เคยปรากฎมาก่อนในสมัยที่ตนประเมินผลการปฏิบัติงานตำแหน่งสำคัญต่างๆของกระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา
“เรื่องนี้ไม่อยู่ที่กำหนดเกณฑ์ผ่านประเมินที่ร้อยละ 65 หรือร้อยละ 80 เพราะถึงจะกำหนดเกณฑ์ผ่านประเมินให้ดูไม่สูงนักที่ร้อยละ 65 แต่ถ้าทำงานได้ครบตามแผนแล้วได้แค่ร้อยละ 60 ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกประเมิน ที่สำคัญต้องดูด้วยว่า มีการแจ้งให้ทราบก่อนการทำงานจบหรือไม่” แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวใน สกสค.ระบุว่า บุคลากรส่วนใหญ่ของ สกสค.อยากให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างบอร์ด สกสค. กับเลขาธิการ สกสค. ซึ่งไม่เป็นผลดีกับหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีอยู่มากกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ และที่ผ่านมาบุคลากรของ สกสค.ก็เห็นปัญหาการดำเนินงานว่า หลายแผนงานเกี่ยวกับพัฒนาหน่วยงานด้านต่างๆ ไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากบอร์ด สกสค. เพราะวาระประชุมช่วงหลังมีแต่เรื่องการประเมินผลงานของเลขาธิการ สกสค.เท่านั้น
“หวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทางเลขาธิการ สกสค.ไปขอความเป็นธรรมไว้ จะเข้ามาคลี่คลายเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้งานของ สกสค.ที่เกี่ยวกับครูและบุคลากรทางการศึกษากว่าล้านชีวิตเดินหน้าไปได้” แหล่งข่าวใน สกสค.ระบุ.