ปธ.กมธ.สธ เรียกเลขาฯ ป.ป.ส. ตร. ปลัด สธ. เข้าชี้แจงด่วน 20 ม.ค.ปมตีความกัญชาตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ เผย “น้าแอ๊ด-จารย์ไข่” ขอร่วมฟังด้วย ชี้ จนท.ต้องตาม กม.ให้ทัน แนะใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ พืชเศรษฐกิจจะหวงอำนาจไว้ทำไม
วันนี้ (16 ม.ค.) นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาเปิดเผยในประเด็นการถอดกัญชาออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ตามเจตนารมณ์ ของกฎหมาย พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ซึ่งมีการถกเถียง เห็นแย้ง ทั้งผู้ใช้กฎหมายและผู้ออกกฎหมาย ซึ่ง นายปกรณ์ เปิดเผยว่า
“ในฐานะประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข เห็นข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงล่าสุด ว่า เรายังตามไม่ทันเรื่องกฎหมายและถือปฏิบัติตามไม่ทัน นี่คือ ข้อเสียของผู้ที่ปฏิบัติยึดกฎหมายตามปฏิบัติและตัวเองตามไม่ทันกฎหมาย เราในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ผมว่าเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคมมากๆ หลายท่านเข้าใจผิด หลายท่านก็เข้าใจถูก นี่ไงครับกระแสของสังคมก็ยังถกเถียงชั่งใจอยู่ว่าจะเดินหน้าต่อไปยังไง ผมคิดถึงพี่น้องประชาชนนะครับผมว่า วันนี้เศรษฐกิจไทย เราต้องเปลี่ยนแนวคิด การคมนาคมพัฒนาไปมาก สินค้าเกษตรจากเมืองจีนผ่านรถไฟความเร็วสูงมาทางลาว ผลกระทบแน่นอน ชาวสวนชาวไร่ที่ปลูกพืชปลูกผักผลไม้เราส่งออกไม่ได้ราคากระทบแน่นอนสินค้าปศุสัตว์เจอไวรัสเหมือนคนเจอนี่ล่ะครับวัวควายเจอ lumpy Skin หมูเจอไวรัสเหมือนกันผลกระทบหมด ผมมองว่าวันนี้โอกาสที่คนไทยจะฟื้นเศรษฐกิจได้ง่ายโดยการแก้กฎหมายหรือทำความเข้าใจให้ตรงกันก็คือสมุนไพรไทยคือกัญชา คือ สมุนไพร อย่ามองกัญชา คือ ยาเสพติด ผมอยากให้เทียบเคียงบุหรี่ เบียร์ ไวน์ เหล้า เหล้าขาว เหล้าสี เทียบกับกัญชา ผมเองนั่งพิจารณานึกดูย้อนดูหลายครั้งหลายหน ผมมองว่ากัญชาก็คือสมุนไพร ผมจึงได้หารือกับทางเพื่อนๆ ในคณะกรรมาธิการ วันพฤหัสที่ 20 ม.ค. 65 เชิญชวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการ ป.ป.ส. ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ท่านผบ.ตร. และอีกหลายๆ ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้กฎหมายบังคับใช้กฎหมายมาหารือกัน” นายปกรณ์ กล่าว
ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จริงๆ แล้วผมคิดว่าคงจะเป็นทางออกที่ดี สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน วันนี้พี่น้องหลายท่านโทรศัพท์มาหาผมให้กำลังใจกับผม อยากเห็นพืชตัวนี้ ซึ่งเคยซุกอยู่ใต้ดิน ใต้พรมวันนี้มาอยู่บนดิน ถ้าเราในภูมิภาคเอเชีย ถ้าเราสามารถแก้กฎหมายให้พืชกัญชาเป็นพืชสมุนไพรได้อย่างถูกต้อง ผมว่าประเทศไทยจะฟื้นตัวจากเศรษฐกิจที่รับผลกระทบจากโควิชได้เร็วที่สุดในโลกด้วยครับนี่คือสิ่งที่ผมยืนยันเลยครับ”
นายปกรณ์ กล่าวว่า ที่สำคัญ อีกสิ่งหนึ่งต้องขอชื่นชม นายศุภชัย ใจสมุทร รองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่ออกมายืนเคียงข้างประชาชน ทำให้ผมต้องนัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องกัญชามาตีความ ส่วนตัวเห็นด้วยกับนายศุภชัย แต่จริงๆ ฝ่ายการเมือง พูดอะไรไปมันก็ 2 มุม มีคนเห็นด้วยก็ว่าดี แต่คนไม่เห็นด้วยก็หาว่านักการเมืองพูดหาเสียง
“จริงๆ ต้องชื่นชมท่านศุภชัยเป็นอย่างมาก ที่กล้าหาญออกมาพูดแล้วเอาเรื่องจริงออกมาพูด ผมยกย่องและชื่นชมท่านศุภชัย มาก ถือว่าเป็นฮีโร่เป็นวีรบุรุษ ของคนที่อยากให้สมุนไพรตัวนี้ถูกต้องตามกฎหมาย ผมคิดว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เป็นฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย แต่คนออกกฎหมายในฝ่ายนิติบัญญัติ ผู้รู้กฎหมายก็ไปแย้งกัน วันนี้มันแย้งกันระหว่างผู้ปฏิบัติกับผู้ออกกฎหมาย ท่านอยากจะยึดอำนาจเหมือนเก่า รักษาอำนาจไว้เหมือนเก่า ไว้ทำไม ในเมื่อประเทศไทย แก้ไปแล้ว มันแก้แล้วกฎหมายเหล่านี้มันไม่มีแล้ว มันมีแต่ฝิ่น ไม่มีแล้วกัญชา” นายปกรณ์ กล่าว
นายปกรณ์ ยังกล่าวถึงนโยบายของพรรคภูมิใจไทย เรื่องกัญชาเสรี จริงๆ มันเป็นของทุกพรรคการเมืองนะครับ เป็นนโยบายเป็นความคิดความฝันของนักการเมืองทุกคน ที่อยากเห็นประชาชนมีความอยู่ดีมีเศรษฐกิจดีไม่มีอะไรที่วันนี้จะใช้ทดแทนยาปฏิชีวนะ ได้ก็คือตัวนี้ สมุนไพรกัญชาที่บอกว่าเป็นพืชที่วิเศษที่สุดผมเรียนว่าคนที่ใกล้ตัวผมที่สุดคนที่ใกล้ตัวผมป่วยเป็นโรคเก๊า กินยาปฏิชีวนะมาโดยตลอดหลายสิบปี วันนี้ลองใช้ตามที่แพทย์แนะนำ โรคเก๊ามันหาย นี่คือสิ่งที่ผมเห็นประจักษ์กับตัวเอง และคิดว่าหลายท่านที่ได้ใช้สมุนไพรตัวนี้รักษาบำบัดตัวเอง ยังไม่มีโอกาสที่จะเปิดตัวให้สังคมได้รู้ว่าสมุนไพรตัวนี้มันดีอย่างไร แต่สำหรับผมแล้วผมไม่ใช่คนเสพ คนสูบ คนใช้ยาเสพติด แต่ใช้วิจารณญาณของตัวเอง ที่อยากเห็นพืชสมุนไพรตัวนี้สร้างเศรษฐกิจให้คนไทย โดยเฉพาะภูมิภาคนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือเอเชีย ยังไม่มีประเทศไหนที่จะกล้าเป็นผู้นำผมอยากให้ประเทศไทยของเราเป็นผู้นำด้านนี้ในอเมริกาหลายๆ ประเทศทางยุโรปเขาแก้กฎหมายไปแล้วครับบางเมืองสร้างรายได้เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านแสนล้านเราจะรอช้าทำไม
นายปกรณ์ กล่าวด้วยว่า การหาประชุมคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ในวันที่ 20 มกราคม จะเป็นเวทีที่จะให้เวลากับทุกคนได้แสดงความคิดเห็นสรุปว่ามันจะเป็นอย่างไร มีหลายท่านที่จะขอผมเข้าร่วมประชุมด้วย เช่น ศิลปิน ซึ่งผมได้พูดถึงก็คือน้าแอ๊ด คาราบาว ตอนนี้กำลังประสานกันอยู่ แต่ น้าไข่ มาลีฮวนน่า ยืนยันตอบรับที่จะมาเข้าร่วมประชุมอย่างแน่นอน ซึ่งเสียงสะท้อนประชุมวันนั้น จะเป็นสิ่งที่ กรรมาธิการการสาธารณสุข จะสรุปผลการประชุม ส่งต่อไปยังท่านนายกรัฐมนตรีส่งต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมนี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าความหวังของพี่น้องประชาชนชาวไทยในบทบาทของคณะกรรมาธิการสาธารณสุขเราจะทำให้เรื่องนี้ให้เป็นจริง