อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิตย์ จี้ รัฐบาล เคลียร์ให้ชัด ปลูกกัญชา ผิดกฎหมายหรือไม่ อย่าให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อความผิด
วันนี้ (11 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเคยเป็นกรรมาธิการวิสามัญที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อคกัญชา อยู่ 2 คณะ คือ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไข กัญชา กัญชง กระท่อม อย่างเป็นระบบ และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 ทำให้มีความสนใจต้องติดตามความคืบหน้า การปลดล็อกกัญชา อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อได้รับฟังการแถลงข่าวของ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่แถลงว่า การปลูกกัญชาไม่ใช่การกระทำผิดกฎหมาย เพราะกัญชาไม่ได้ถูกบัญญัติว่าเป็นยาเสพติดอีกต่อไป เนื่องจากประมวลกฎหมายยาเสพติดได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2564 ส่งผลให้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ในมาตรา 7 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดนั้น ถูกยกเลิกไป ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้แล้ว ใครถูกจับให้โทรไปหาพรรคภูมิใจไทย
ต่อมา นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (รองเลขาธิการ ป.ป.ส.) ในฐานะโฆษก สำนักงาน ป.ป.ส. กล่าวถึงการปลูกกัญชาเองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ว่า เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5 โดยแม้ว่าจะปลดล็อกในบางส่วนของพืชกัญชา เช่น เปลือก เส้นใย ใบ รวมถึง สาร CBD แต่มีข้อแม้ว่าส่วนประกอบดังกล่าวต้องมีที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น จนทำให้ผมเกิดความสับสนเป็นอย่างยิ่ง
“ผมอยากตั้งคำถาม แบบขอคำตอบชัดๆ ว่า ประชาชนทั่วไป สามารถปลูกกัญชาได้อย่างอิสระเสรี เหมือนกับการปลูกพืชกระท่อมแล้วหรือยัง เพราะเมื่อตรวจสอบข้อจากทาง ป.ป.ส.แล้ว ยืนยันว่า การปลูกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตยังผิดกฎหมายอยู่ ผมอยากขอความชัดเจนในเรื่องนี้ต่อรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าสร้างความสับสนให้กับประชาชน ด้วยการตอบโต้กันไปมา หน่วยงานภาครัฐต้องบูรณาการข้อกฎหมายในเรื่องนี้ให้ชัดเจน อย่าให้ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องมาตกเป็นเหยื่อของความไม่ชัดเจนในข้อกฎหมายที่ใช้บังคับกันอยู่”
นายเทพไท ขอเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ ในการพูดคุยเคลียร์ประเด็นข้อกฎหมาย กับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ให้มีความชัดเจนเสียก่อน แล้วค่อยมาแถลงข่าวกับประชาชน เพราะประชาชนรอคอย ข่าวการปลดล็อกกัญชาอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งแต่พรรคภูมิใจไทยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียง ตอนเลือกตั้งทั่วไป ปี 2562 จนบัดนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ ต่างกับการปลดล็อคพืชกระท่อม ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้เป็นนโยบายในการหาเสียง แต่ตนก็ได้ริเริ่มเสนอญัตติและผลักดันจนประสบความสำเร็จแล้ว
“ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ ทำความจริงให้ปรากฏ สร้างความชัดเจนให้กับประชาชน แล้วค่อยมานั่งแถลงผลของความสำเร็จ ไม่ต้องรีบเร่ง เพราะยังมีเวลาอีกพอสมควร สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งต่อไป”