เปิดลึก “นักศึกษา มช.ป่วน” เจ้าของผลงานธงไร้สีน้ำเงิน-ผตห.คดี 112 ศิษย์ อ.ทัศนัย? “วิจิตรศิลป์” เดือดอีก! “อัศวิณีย์” ตอกหน้า “ทัศนัย” ปั่นเฟกนิวส์? ซุ้มรับปริญญา แถมยกสุภาษิต “คนดีชอบกระทำ คนระ_ำชอบติ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ม.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เปิดลึก “นักศึกษา มช.ป่วนรับปริญญา” เจ้าของผลงานธงไร้สีน้ำเงิน-ผตห.คดี 112 ศิษย์ทัศนัย?
โดยระบุว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนักกิจกรรมทางการเมือง 2 คน เพราะไปถือป้ายป่วนงานพระราชทานปริญญาบัตร ทราบชื่อต่อมาหนึ่งในนั้น คือ ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มศิลปะ Artn’t นั้น
ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 ได้เกิดเหตุกรณีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เก็บรื้อถอนงานศิลปะของนักศึกษา ณ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม โดยมิได้แจ้ง หรือมีหนังสือคำชี้แจงใดๆ ทำให้นักศึกษาและอาจารย์ออกมาคัดค้าน
ต่อมามีคลิปของ ผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์สาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ ที่ได้โต้เถียง และเรียกร้องขอความจริงจากคณะผู้บริหาร ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ด้าน คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ชี้แจง ระบุว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. คณะฯ ได้เข้าเตรียมพื้นที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคณะฯ เพื่อเตรียมการจัดแสดงงานนิทรรศการศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาสาขาวิชาต่างๆ ทั้งของคณะฯ และสถาบันการศึกษาอื่น ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2564
“คณะฯ ได้ตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว พบวัสดุบางรายการที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย (ธงชาติไทยที่ถูกดัดแปลงและมีข้อความที่ไม่เหมาะสม)”
26 มีนาคม 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่นำธงชาติไทย แต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนา 64 และบริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช.ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522
“สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงของชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งความต่อ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อเอาผิดผู้ที่ทำธงดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมที่สนามกีฬา มช.เมื่อวันที่ 14 มีนา 64 ฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ ม.215 อีกด้วย”
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับธงชาติผืนที่มีปัญหาดังกล่าว มี นายยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ รับว่าเป็นเจ้าของธงชาติผืนดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นศิลปะที่แสดงออกทางการเมือง และเป็นสิทธิเสรีภาพการแสดงออกทางการเมือง ที่สามารถกระทำได้
จากนั้น 11 พฤษภาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงค์ราชนิเวศน์ นายวิธญา คลังนิล และ นายยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 2 คน ที่ถูกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดใน พ.ร.บ.ธง และ ม.112 ตามที่ นายศรีสุวรรณ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี จากกรณีที่กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมแสดงผลงานศิลปะบริเวณหน้าตึกยุทธศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีการเขียนข้อความลงบนธงชาติไทยช่วงเดือนมีนาคม 2564 ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
โดยมีกลุ่มอาจารย์ ร่วมให้กำลังใจ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น ได้แก่ ผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์สาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, นายชำนาญ จันทร์เรือง อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และรองศาสตราจารย์ สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
นอกจากนี้ ช่วงก่อนที่จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหา นายวิธญา ใช้มีดโกนกรีดที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองเป็นเลข “112” อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่สามารถเข้าระงับเหตุได้ทัน ขณะที่ นายยศสุนทร เจ้าของผลงานศิลปะธงชาติ เปิดเผยว่า รู้สึกกังวลใจอยู่บ้างเกี่ยวกับการที่ถูกออกหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและต้องถูกดำเนินคดี ยืนยันว่าผลงานศิลปะที่ทำเกี่ยวกับธงชาติของตัวเองนั้น ไม่ได้กระทำผิดใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหา เพราะเป็นเพียงการทำงานศิลปะเท่านั้น และวัตถุต่างๆ ล้วนไม่มีความหมายใดๆ นอกจากเป็นแถบสีที่นำมาจัดวางเรียงกัน ส่วน ม.112 นั้น ตนยังไม่รู้ตัวว่ากระทำผิดเมื่อใด
ด้าน ผศ.ดร.ทัศนัย เปิดเผยด้วยว่า จะเข้าไปร่วมรับฟังการแจ้งข้อกล่าวหาด้วยในฐานะที่นักศึกษาไว้วางใจ ซึ่งผู้คนในวงการศิลปะต่างเห็นว่า การนำธงมาใช้ทำงานศิลปะไม่ได้เป็นความผิดและไม่ผิด พ.ร.บ.ธง อีกทั้งศิลปะต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกด้วย โดยไม่เชื่อว่าคนที่ทำงานศิลปะจะคิดร้ายต่อบ้านเมือง
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น วิจิตรศิลป์ มช.เดือดอีก! อ.อัศวิณีย์ ตอกหน้า “อ.ทัศนัย” ควรตักน้ำส่องดูเงา ปมโพสต์ภาพซุ้มรับปริญญา ปั่นเฟกนิวส์?
เนื้อหารระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 11 มกราคม ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ประจำสาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีซุ้มรับปริญญาของคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุข้อความว่า
“คณะฯที่ฝึกความสามารถด้านศิลปะ ทำซุ้มถ่ายรูปวันรับปริญญาให้กับนักศึกษา ไม่ต้องให้ความสำคัญ แต่น้ำจิตน้ำใจควรมีมากกว่านี้”
ต่อมาก็ได้มีคนในโลกออนไลน์นำไปแชร์และวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ สื่อออนไลน์ยังได้มีการนำประเด็นดังกล่าว พาดหัวข่าวว่า อาจารย์วิจิตรศิลป์ โพสต์ภาพ “ซุ้มวันรับปริญญา” ของคณะฯ เผย “ควรมีน้ำใจให้มากกว่านี้”
ล่าสุด รองศาสตราจารย์ อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดี คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า
หิวแสงกันขนาดไหน หรืออยู่ในโคลนตมมานาน เลิกหลอกลวงชาวโลกได้แล้ว ของจริงมีแต่คนชื่นชมมาถ่ายรูป ทุกวันนี้ ข่าวลวงลงง่าย คนง่าวก็เชื่อง่าย…
คณะวิจิตรศิลป์ ได้มีการจัดเตรียมต้อนรับบัณฑิตไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ก่อน ต.ค. 64 โดยการเขียนผนังอาคารโรงประลองฝั่งริมถนน เพื่อต้อนรับบัณฑิต (ก่อนที่จะมีการเลื่อนพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ครั้งที่ 55)
(ผนังจริงคือภาพที่เขียนเต็มบนผนัง) มิใช่ตามภาพที่มีผู้เอาไปแอบอ้าง คนทำเค้าตั้งใจทำเพื่อต้อนรับให้บัณฑิตด้วยใจ ซึ่งปีนี้บางคณะก็มิได้มีจัดตกแต่งใดๆ ในคณะเลย
ผู้นำเอาภาพไปโพสต์ ไปทำข่าว แบบนี้ ถือว่าสร้างข่าวเท็จ อันนำมาซึ่งการสร้างความเข้าใจผิด ทำให้คณะวิจิตรศิลป์เสียชื่อเสียง
คนให้ข้อมูล ควรตักน้ำส่องดูเงาบ้าง ว่า เคยทำอะไรอันเป็นประโยชน์สร้างความสามัคคีแก่สังคมบ้าง นอกจากคอยนั่งวิจารณ์ สร้างความแตกแยกให้สังคมไปวันวัน อย่าด้อยค่าคนอื่น เพียงเพื่อให้ตัวเองได้เกิด ตรงกับสุภาษิตที่ว่า “คนดีชอบกระทำ คนระ_ำชอบติ” ถ้าพูดกันแบบภาษาสุภาพ คงไม่เข้าใจเพราะจิตต่ำเข้าไม่ถึง
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การเคลื่อนไหว ต่อต้านสถาบันฯ ของขบวนการ 3 นิ้วใน มช. ได้สร้างความขัดแย้งแตกแยกขึ้น ไม่ต่างกับหลายองค์กร หลายสถาบัน ทั้งในระดับนักศึกษา และอาชีพ
โดยเฉพาะพฤติกรรมที่แสดงออกในการต่อต้านสถาบันฯ ยังแผ่ขยายไปสู่การต่อต้านสังคมส่วนใหญ่ที่มีความเห็นต่าง และไม่เห็นด้วยกับพวกตัวเองด้วย และทำอะไรก็ได้ เพื่อให้คนที่ไม่เห็นด้วย “ล้มเหลว” ในทุกสิ่ง ทุกอย่างที่สร้างสรรค์ให้กับสังคม ข้อหาอาจแค่ “ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา”
ในระดับมหาวิทยาลัย การขัดขวาง ประท้วง ในเชิงสัญลักษณ์ หรือ หาข้อผิดพลาด หรือ สร้างเรื่อง อย่าง กรณี เฟกนิวส์ เพื่อที่จะสื่อออกไปในวงกว้าง ว่า บุคคลที่ให้ความสำคัญกับการรับพระราชทานปริญญา ก็ไม่เห็นมีอะไร อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่พยายามด้อยค่านั่นเอง
ที่สำคัญ และสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน กรณี มช. ก็คือ กลุ่มเครือข่ายขบวนการ 3 นิ้ว มีแค่น้อยนิด เพียงแต่ทำอะไรที่เหิมเกริมหวือหวาเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือ คนกลุ่มเดิม ที่ประกอบไปด้วย อาจารย์ขาประจำ นักศึกษาขาประจำ อย่างที่มีการเผยชื่อกันออกมา
เพราะโดยภาพรวมของพิธีพระราชทานปริญญา เห็นได้ชัดว่า นักศึกษา มช.ส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญ และเป็นความภาคภูมิใจทั้งกับตัวเองและครอบครัวเช่นเคย
นี่คือ สิ่งที่ทำให้เห็นว่า ทำไมขบวนการ 3 นิ้ว พักหลังจึงสร้างปรากฏการณ์เหิมเกริมมากยิ่งขึ้น เพราะต้องเรียกร้องความสนใจมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า และหล่อเลี้ยงกระแสไม่ให้จมหายไปพร้อมกับม็อบเด็กเท่านั้นเอง
หรือว่า สำหรับประเทศไทย ขบวนการ 3 นิ้ว ก็ทำได้แค่นี้!?