xs
xsm
sm
md
lg

ย้อน “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงลื่นล้ม ยังเสด็จฯพระราชทานปริญญาให้ มช. “ดร.อานนท์” รับไม่ได้ “หลู่พระเกียรติ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ย้อน “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงลื่นล้ม ยังเสด็จฯพระราชทานปริญญา มช.ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ไม่สำนึกก็พึงสำเหนียก! ย้อน “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงลื่นล้ม ยังเสด็จฯพระราชทานปริญญาให้ มช. “ดร.อานนท์” รับไม่ได้ “หลู่พระเกียรติ!” ศิษย์เก่าลุกฮือ ขณะอาจารย์จุฬาฯซัด ไม่สมควรเป็น “บัณฑิต”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 ม.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ไม่สำนึกก็พึงสำเหนียก! ย้อน “กรมสมเด็จพระเทพฯ” ทรงลื่นล้ม แม้ทรงประชวรก็ยังเสด็จฯพระราชทานปริญญาให้ มช. ไม่อยากให้บัณฑิตต้องรอ

โดยระบุว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 ทางเพจ งานนโยบาย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ CMU Student Union’s Policy Team ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี พิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย โดยระบุข้อความว่า งานนโยบาย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอแสดงจุดยืน “ไม่ส่งตัวแทน และไม่ให้การสนับสนุนทุกวิถีทางในการรับเสด็จ” สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวเดอะทรูธจะขอย้อนไปในช่วงของการพระราชทานปริญญาบัตร ปี 2558 โดยเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลื่นล้มในห้องน้ำ ที่บ้านสันผีเสื้อ โดยผลการเอกซเรย์ เห็นว่า กระดูกสะโพกมีปัญหา และในเช้าวันที่ 22 มกราคม 58 พระองค์เสด็จฯไป รพ.สวนดอก เป็นการส่วนพระองค์ เสร็จแล้วให้รถโรงพยาบาลมาส่งเรือนรับรองที่ข้างหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยไม่ให้ใครรู้ คณะแพทย์จะถวายการรักษา แต่พระองค์ยืนยันจะพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้เสร็จก่อน และไม่ทรงให้บัณฑิตหลายพันคนต้องรอ

และเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2560 เวลา 09.07 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานนำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ณ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ทรงเปิดงานการประชุมวิชาการ “Thailand International Science Fair 2017” โดยพบว่า บริเวณหลังพระหัตถ์มีการติดเข็มต่อสายน้ำเกลืออยู่ ภาพดังกล่าวสร้างความปลาบปลื้มปีติใจแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น ที่ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรตลอดเวลา แม้กระทั่งในระหว่างที่ทรงเข้ารับถวายการรักษาพระอาการประชวร

ภาพ ทรงประชวรก็ยังเสด็จฯพระราชทานปริญญา ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
นอกจากนี้ ยังมีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย” ความว่า คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รายงานว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระอาการเจ็บพระนาภี (ท้อง) และมีพระปรอท (ไข้) คณะแพทย์จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนิน ไปประทับ ณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พุทธศักราช 2562

ผลการตรวจพบว่ามีการอักเสบติดเชื้อของกระเปาะของพระอันตะ(ลำไส้ใหญ่) คณะแพทย์จึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะ และขอพระราชทานให้ทรงงดพระราชกรณียกิจ สักระยะหนึ่ง

แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะเหล่าบัณฑิตจากสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรใน วันที่ 22-23 ตุลาคม 2562 แม้พระองค์จะต้องรับถวายการรักษา พักฟื้นพระวรกาย และต้องทรงงดพระราชกรณียกิจ แต่ด้วยพระราชกิจที่มีหมายกำหนดมาแล้ว ทรงมีพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ ต่อบัณฑิตจากสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 22-23 ต.ค.นี้ จึงมิได้มีการเลื่อนหมายกำหนดการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรออกไปแต่อย่างใด มีเพียงการเปลี่ยนแปลงสถานที่ ในการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเท่านั้น

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 จะเห็นได้ว่า พระหัตถ์ซ้ายของพระองค์ท่านทรงมี Heparin Lock อยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการถวายการรักษาด้วยพระโอสถ หรือสารน้ำทางเส้นพระโลหิตดำ จึงสร้างความปลื้มปีติให้แก่เหล่าบัณฑิตเป็นอย่างมาก

แสดงให้เห็นถึงพระเมตตาของพระองค์ที่แม้พระองค์จะประชวร แต่ด้วยทรงรักและห่วงใยประชาชน ยังคงเสด็จฯปฏิบัติพระราชกรณียกิจเช่นเดิม ทรงเปรียบเสมือนดั่งเช่น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็นพระราชบิดาของพระองค์ที่แม้จะประชวรอยู่ แต่ก็ยังทรงห่วงใยประชาชน ทรงงานหนักมาตลอด 70 ปี เมื่อครั้ง ในหลวง ร.9 ทรงประชวรอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช

ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ดร.อานนท์ รับไม่ได้เด็ก มช.หลู่พระเกียรติ! ศิษย์เก่าลุกฮือ ขณะอาจารย์จุฬาฯ ซัดไม่สมควรเป็นบัณฑิต

เนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่กลุ่มคนอ้างชื่อ งานนโยบาย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประกาศแสดงจุดยืน ไม่ส่งตัวแทนร่วมรับเสด็จฯกรมสมเด็จพระเทพฯ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ จากประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมากนั้น

ภาพ “ดร.อานนท์” รับไม่ได้  “หลู่พระเกียรติ!” ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด วันนี้ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า

“ผมรับไม่ได้จริงๆ ที่มีนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม พยายามหลู่พระเกียรติสถาบัน ที่รับไม่ได้เลย คือ การไปหลู่พระเกียรติ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พระองค์ท่านไม่เคยทรงทำอะไรเพื่อพระองค์เองเลย นอกจากเรื่องเสวยกับทรงพระอักษร (เป็นสองสิ่งที่โปรดและตรัสไว้หลายที่) เวลาที่เหลือเป็นการทรงงานเพื่อประชาชนทั้งนั้น ทรงมีคุณูปการและพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แก่ปวงชนชาวไทย เหตุใดจึงต้องหลู่พระเกียรติพระองค์ท่านด้วย

ผมไม่เข้าใจจิตใจคนเหล่านี้จริงๆ พึงข่มคนที่ควรข่ม พึงชมคนที่พึงชม พุทธสุภาษิต อย่าให้อคติปิดบังความดีความงามความรักในจิตใจจนมืดบอดไปหมดเลยเถิดครับ”

ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ของ ดร.อานนท์ เผยแพร่ออกไปสู่โลกโซเชียลฯ ทำให้มีบุคคลเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาศิษย์เก่า รวมทั้งคำถามถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยด้วย เช่น

“อยากให้รัฐทำฐานข้อมูลนักศึกษาคิดเลวๆ แบบนี้ เวลาสมัครงานในหน่วยงานรัฐหรือเอกชน ก็ขอให้ดึงฐานข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาด้วยครับ”

“ฐาน นศ.คิดเลว หรือ นศ.พลเมืองโลกล่ะ”
“ใช้สิทธิพลเมืองไทยสอบเข้าเรียนนะครับ ไม่ใช่สิทธิพลเมืองโลก แล้วอยากถามด้วย ใครเขาอยากได้คนพวกนี้ไปเป็นพลเมือง”

“ถามจริงๆ ว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ยังมีหน้าอยู่บริหารต่ออีกหรือ มีหน้าเข้าเฝ้าพระองค์ได้อีกหรือ”

“เศร้าใจจริงๆ ค่ะ จากศิษย์เก่า มช. รหัส 46, 50, 53 ตรี โท เอก ภูมิใจมากที่ได้รับปริญญาจากสมเด็จพระเทพฯ ทั้ง 3 ครั้ง สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จำได้ว่าพระองค์ทรงงานหนักมาก หลังจากแจกปริญญาเสร็จ ท่านต้องทรงงานต่อเลย ยังคิดในใจว่าท่านจะเหนื่อยขนาดไหน เราแค่นั่งรอเฉยๆ”

ภาพ ประกาศจุดยืน งานนโยบาย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“งานพระราชทานปริญญาเหนื่อยทั้งคนเตรียมงาน เหนื่อยทั้งคนรับ…แต่คนที่เหนื่อยที่สุด คือ ผู้พระราชทาน…ทว่า ความอดทนกับความเหน็ดเหนื่อยนี้ คือ รางวัลแห่งการตั้งใจเรียนที่เจตนารมณ์ของในหลวง ร.9 ท่านเพียรพยายามอยากทำและทำมาตลอดพระชนม์ชีพ เพราะทุกครั้งท่านได้กล่าวโอวาทให้ข้อคิดให้พรด้วย…จึงเป็นวัฒนธรรมการแบ่งปันที่ดีงาม หาใช่เรื่องของแบ่งชนชั้นไม่…

หรืออธิการอยากแจกเอง…ก้อไม่รู้ แต่คนรับจะภาคภูมิใจเท่าประมุขหรือตัวแทนประมุขของประเทศพระราชทานหรือเปล่า? ความงดงามของชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องเพียรพยายามสร้างด้วยมันสมองและสติปัญญา หากความหยาบกระด้างของชีวิตไม่ต้องใช้ความเพียรเลย เป็น basic instinct ล้วนๆ”

“จากใจลูกช้าง มช. 46 และ 51 รู้สึกภาคภูมิใจเสมอที่ได้มีโอกาสรับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์พระองค์ท่าน เพียงเสี้ยววินาที ก็รู้สึกปลื้มปีติเป็นเกียรติแก่ครอบครัวแล้วค่ะ ไม่เข้าใจคนพวกนั้นจริงๆ ค่ะอาจารย์”

Guntalee Ruenrom อย่าใช้คำว่า ด้อยค่า ให้ใช้คำว่า หลู่พระเกียรติ การกระทำของคนที่ไม่สมควรเป็นบัณฑิตด้วยประการทั้งปวง

Arnond Sakworawich ครับครู
Arnond Sakworawich แก้ไขแล้วครับครู
Guntalee Ruenrom อาจารย์เขียนใหม่เลยค่ะ แก้คำนั้นเสีย

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของทีมข่าวเดอะทรูธ พบว่า ผู้ที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Guntalee Ruenrom ก็คือ ศาสตราจารย์ ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาสังคมศาสตร์ จากที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย

แน่นอน, นี่คือ ภาพสะท้อนขบวนการ 3 นิ้ว ที่เติบโตในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ มช. โดยเฉพาะเริ่มจากอาจารย์เชื่อมโยงมาถึงลูกศิษย์ โดยที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ไม่ต่างกับมหาวิทยาลัยใหญ่ๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ขอนแก่น เห็นได้ชัด
และถ้าจะว่าไปแล้ว อาจารย์ นักวิชาการ มหาวิทยาลัย นี่แหละ คือ “อีแอบ” ที่ชัดเจนที่สุดส่วนหนึ่ง ที่ให้การสนับสนุน เยาวชน นิสิต นักศึกษา ในการเคลื่อนไหว “ปฏิรูปสถาบันฯ” เห็นได้จากการล่ารายชื่อหลายครั้ง ที่แสดงออกให้เห็นว่า เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเรียกร้อง

จึงไม่แปลกแต่อย่างใด ที่วันนี้จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอีกครั้ง ว่า พวกเขาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ และเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดีว่า ขบวนการ 3 นิ้วในมหาวิทยาลัย นี่เอง คือ ปัญหาใหญ่ในอนาคตการเมืองไทย ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น