xs
xsm
sm
md
lg

“ของแพง” ปชป.เงียบ เร่ง “บิ๊กตู่” ลงเหว !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-เฉลิมชัย ศรีอ่อน
เมืองไทย 360 องศา

ปัญหาเรื่อง “ของแพง” หรือเวลานี้กำลัง “แพงทั้งแผ่นดิน” กำลังสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ และไม่ต้องแปลกใจที่จะมีเสียงวิจารณ์ด่าทอพุ่งเป้ามาที่รัฐบาล โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเป็นผู้นำรัฐบาล ต้องรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว

แม้ว่าในเสียงด่าที่ว่านั้น จะมี “ดรามา” ปะปนเข้าไปอยู่ไม่น้อย นั่นคือ เป็นเรื่อง “การเมืองผสมโรง” เข้ามาจาก “ฝ่ายแค้น” ที่ได้จังหวะต้องถล่มให้จมดิน และถึงขั้นที่เรียกว่าเผื่อฟลุ๊กถึงขั้นล้มรัฐบาลก่อนเวลากันก็มี และแน่นอนว่า งานนี้ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย ย่อมไม่อยู่นิ่งเมื่อได้จังหวะแบบนี้

มีการประชุมและตั้งโต๊ะแถลงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ตั้งแต่เรื่องการปกปิดข้อมูลเรื่องโรคระบาดหมู ที่ระบุว่าเป็น “เชื้ออหิวาต์หมู” หรือ เชื้อ ASF แต่ที่ต้องจับตา ก็คือ กลับเป็นการพุ่งเป้าเน้นเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้นว่า บริหารล้มเหลว มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว รวมไปถึงความล้มเหลวในเรื่องการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเวลานี้

ก็อย่างที่บอกตั้งแต่ต้น ว่า ไม่ผิดที่พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทำไมไม่มีการเอ่ยถึงความล้มเหลวการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคนแรกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนคนหลังเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการเอ่ยถึงสักหน่อยหรือ ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบบ้างเลยหรือ

หากพิจารณากันแบบเป็นจริงในแบบรัฐบาลผสมที่บริหารในลักษณะ “โควตาสัมปทาน” แบบกระทรวงใครกระทรวงมัน เพราะหากเกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจในการบริหาร ก็จะมีลักษณะ “กระทรวงข้าใครอย่าแตะ” แต่สำหรับปัญหาที่กำลังร้อนแรงอย่างเรื่องของแพงในเวลานี้ กลับสังเกตเห็นว่า รัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนายจุรินทร์ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายเฉลิมชัย ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้เห็น “แอกชั่น” ที่ชัดเจนหรือ “เข้าตา” แต่อย่างใด

โดยเฉพาะ นายเฉลิมชัย ที่มีหน่วยงานอย่าง “กรมปศุสัตว์” ในสังกัดที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกลับ “เงียบกริบ” ยังไม่เห็นออกมาให้ความเห็น หรือมีแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะเฉพาะหน้า และระยะยาว แต่อย่างใด

มีเพียง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาตอบโต้ในสภากับฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องปัญหาของแพง โดยตอบโต้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อย่างเผ็ดร้อนตามสไตล์ ทำนองว่า “แทงข้างหลัง” แทนที่จะช่วยกันแก้ปัญหา อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็ไม่ผิด

แต่คำถามก็คือ ทำไมเวลานี้ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของพรรคประชาธิปัตย์ จึงมี “แอกชั่น” น้อยผิดปกติ ในลักษณะที่เรียกว่า “เงียบ” ไปเลย

อย่างไรก็ดี ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มกราคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบกรณีหน่วยงานภาครัฐปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอหิวาต์หมู หรือ ASF โดย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเดือดร้อนจำนวนมาก และเป็นเหตุให้เนื้อหมูมีราคาแพงกว่าเท่าตัว รวมทั้งอาจเป็นการเอื้อให้บริษัทขนาดใหญ่บางบริษัท ได้ประโยชน์จากการที่หน่วยงานของรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2538 ซึ่งการระบาดของโรคดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2562 ที่ จ.เชียงราย แต่กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย กลับไม่ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่การระบาด ส่งผลให้เกิดการกระจายโรคไปทั่วประเทศ เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรทั่วประเทศ และส่งผลกระทบต่อจำนวนหมู ที่จะเข้าสู่ท้องตลาด เพื่อการบริโภคของประชาชน ซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญทำให้ราคาหมูในท้องตลาดแพงขึ้นในขณะนี้

“เหตุใดกรมปศุสัตว์จึงไม่ออกประกาศตามกฎหมายเพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในสุกร จึงน่าจะเป็นความผิดของอธิบดีกรมปศุสัตว์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ รมว.พาณิชย์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นก็ได้ไปร้องต่อ ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่ในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบกรณีที่กรมปศุสัตว์ ไม่ใช้อำนาจ

ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ จะมีลักษณะการเอื้อประโยชน์ ต่อบริษัทผู้ประกอบการเลี้ยงหมูขนาดใหญ่แบบครบวงจร เพราะกลุ่มบริษัทเหล่านี้ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่กลับได้รับผลประโยชน์โดยตรง ต่อการที่กรมปศุสัตว์ ไม่ประกาศพื้นที่การระบาดของโรค ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ยังสามารถขาย และส่งออกหมูไปต่างประเทศได้ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบว่า มีใคร หรือผู้ประกอบการใด ได้รับผลประโยชน์จากการที่กรมปศุสัตว์ ไม่บังคับใช้กฎหมาย”

ทั้งนี้ เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้ว น่าจะมีข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐบาลว่าควรจะมีมาตรการหรือกลไกในการแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะรายเล็ก รายย่อย ให้สามารถกลับมาเลี้ยงหมูได้อีก แม้ว่าในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ช่วยเหลือ แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายมีมากกว่าพันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเงินดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

นายศรีสุวรรณ ยังเรียกร้องให้อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่า พบเชื้ออหิวาต์ ที่โรงฆ่าหมูใน จ.นครปฐม ว่า เป็นที่ใด เพราะจะได้ไปตรวจสอบ เนื่องจากการพบเชื้อดังกล่าวจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่บริเวณโดยรอบในรัศมี 5 กม. ซึ่งไม่ทราบว่าได้มีการดำเนินการแล้วหรือไม่ หากไม่เปิดเผย วันศุกร์ที่ 14 ม.ค.นี้ ก็จะไปกรมปศุสัตว์ เพื่อขอข้อมูลดังกล่าว

เชื่อว่า นับจากนี้ไป แรงกดดันก็ต้องกระจายมาที่ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นทั้งหน่วยงานที่ผลิตและจำหน่ายโดยตรง และที่สำคัญอยู่ในความรับผิดชอบบริหารจัดการอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์เวลานี้ มีรัฐมนตรีในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด และอำนาจในการกำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ ก็ยังเป็น นายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกฯ

และแม้ว่าปัญหาหมูแพงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องโรคระบาด ปัญหาสินค้าราคาแพง ส่วนสำคัญมาจากปัญหาเงินเฟ้อ จากเรื่อง “ดอกเบี้ยขาขึ้น” ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก แต่นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัว ต้องมีวิธีบริหารจัดการให้อยู่ในภาวะสมดุลให้ได้ และที่สำคัญ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบบริหารงานต้องมีความเคลื่อนไหวและออกมาตรการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อุ่นใจ และบรรเทาความเดือดร้อนให้ชัด

ขณะเดียวกัน สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี งานนี้ถือว่า “อ่วมกำลังสอง” หลังจากที่เริ่มปีใหม่มาก็ต้องเจอกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แล้วต้องมาเจอกับเรื่อง “ของแพง” ที่ถือว่าเป็นเรื่อง “อ่อนไหว” มาทุกยุค และเมื่อเจอกับลีลาของพรรคประชาธิปัตย์ ในแบบที่เห็น มันเสี่ยงต่อการถูกดึงลงเหวแบบไม่เห็นอนาคตเลยทีเดียว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น