“แรมโบ้” ลากไส้ “ธนาธร” และพวก เล่นการเมืองน้ำเน่าผสมยาพิษ ด่าตลอดแต่ดอดไปฉีดวัคซีน กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ปั่นกระแสสามนิ้วด้อยค่าวัคซีน โดยเจตนาสร้างความสับสนบนพื้นฐานสับปลับ หลอกมวลชนหลงเชื่อให้ป่วย-ตาย-เสียเงินโดยไม่จำเป็น
วันนี้ (11 ม.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แก้ต่างต่อสังคมว่า “ข้อวิจารณ์ของผมเรื่องวัคซีน คือ การจัดหาแบบแทงม้าตัวเดียว ที่มีข้อผิดพลาด จนทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการด้อยค่าวัคซีน” เพจคณะก้าวหน้า ก็อ้างว่า ไม่เคยมีสักคำเดียวที่บอกว่า “วัคซีนไม่ดี” หรือ “ไม่ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีน” เช่นเดียวกับ นางสาวพรรณิการ์ วาณิช ก็อ้างทำนองเดียวกัน
นายเสกสกล ระบุว่า คนกลุ่มนี้เหมือนวัวพันหลัก ลิ้นพันกันเอง พูดอะไรไว้ ทำอะไรไว้ แกล้งจำไม่ได้ พยายามดิ้นกลับกลอกเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว ราวกับลืมไปแล้วจริงๆ ว่า พวกตนเคยปั่นกระแสด้อยค่าวัคซีนรุนแรงขนาดไหน
“ยืนยันว่า นายกฯ พลเอก ประยุทธ์ และ ศบค. ไม่เคยมีนโยบายวัคซีนแบบแทงม้าตัวเดียว ในแผนจัดการวัคซีน มีทั้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนซิโนแวค และวัคซีน mRNA โดยเร่งจัดหาภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ในขณะนั้น คงมีแต่นายธนาธร กับพวก ที่พยายามเอาเรื่องวัคซีนมาเล่นการเมือง ลากไปโจมตีถึงสถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ด้วยเจตนาเลวร้าย”
นายเสกสกล ชี้ว่า การชี้แจงของพวกนายธนาธร ก็เท่ากับยอมรับว่า ได้ไปฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ วันที่ 1 ก.ค. 2564 เวลาทุ่มเศษจริง ตามข้อมูลที่เผยแพร่กันใช่หรือไม่ ขณะนั้นคนทั่วไปในพื้นที่เสี่ยงได้ฉีดซิโนแวค สูงวัยฉีดแอสตร้าฯ จองฉีดกันในเวลาราชการ แต่นายธนาธรไม่ต้องจองฉีดแบบคนทั่วไป และยังได้รับการตามไปฉีดในเวลาทุ่มเศษได้อย่างไร
“ที่สำคัญ นายธนาธร ฉีดแล้ว รู้แก่ใจแล้วว่าวัคซีนไม่อันตราย ให้ภูมิคุ้มกัน แต่ก็ยังเก็บเป็นความลับ แถมยังออกมาโจมตีวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอเอนไซน์ ด้วยการทวีตข้อความเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 64 ระบุว่า “เมื่อไรจะยอมรับผิดพลาดเรื่องแทงม้าตัวเดียว ที่ทำให้คนไทยได้รับวัคซีนช้า น้อย และไม่มีประสิทธิภาพ” นั่นก็คือ การให้ร้ายวัคซีนที่รัฐจัดหามาว่าไม่มีประสิทธิภาพ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องแท้ๆ ยังปลุกปั่นมวลชนด้อยค่าวัคซีนต่อไปอีก เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคก้าวไกลอีกหลายคน สะท้อนเจตนาต้องการสร้างความสับสน สับปลับในตัวเอง มิได้มีเจตนาดีต่อมวลชน ประชาชน และประเทศชาติ คนที่หลงเชื่อก็กลัว ไม่กล้าฉีด บางคนป่วย บางคนตาย รอฉีดวัคซีนเทพ บางส่วนเสียเงินจองซื้อ ทั้งๆ ที่ ขณะนั้นรัฐบาล และ ศบค.พยายามสร้างความเชื่อมั่นในวัคซีนที่เรามี”
“นี่เป็นบทเรียนของการเล่นการเมืองน้ำเน่าผสมยาพิษ ด่าตลอดแต่ดอดไปฉีด ลวงหลอกมวลชน ปั่นกระแสสังคมเพื่อดิสเครดิตวัคซีนที่เรามีในขณะนั้นอย่างอำมหิตที่สุด” นายเสกสกล กล่าว