ข่าวปนคน คนปนข่าว
** รู้หมด โลกจะเกิดอะไรขึ้นในปี 2022 แต่เรื่องใช้ “ตั๋วทอน” ฉีดวัคซีน “ธนาธร” จะไม่ชี้แจงอะไรหน่อยหรือ
หลังจากโพสต์เฟซบุ๊กประกาศว่า ตนเองติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา “เสี่ยทอน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็เงียบหายไปจากโซเชียลฯ จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์ ก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) ด้วยการโพสต์เฟซบุ๊ก “Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” สวมบทผู้รอบรู้คาดการณ์ 10 สถานการณ์ระดับโลก ที่จะเกิดขึ้นในปี 2022
ไล่ไปตั้งแต่ เรื่องที่ 1 เศรษฐกิจและโควิด ในสหรัฐฯ กับจีน จะไปคนละทางกัน โดย “เสี่ยทอน” มองว่า สหรัฐฯใช้นโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด แม้จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่สหรัฐฯจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในรอบ 20 ปี จาการทุ่มงบประมาณก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ส่วนจีนมีนโยบายล็อกดาวน์โควิดที่เข้มข้น เพื่อบรรลุนโยบายโควิดเป็นศูนย์ รวมทั้งปัญหาของ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดยักษ์ และการควบคุมบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จะทำให้มีอัตราเติบโตในอัตราที่ต่ำลง ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี
เรื่องที่ 2 ตอลิบานจะล้มเหลวในการบริหารอัฟกานิสถาน เพราะประชาชนจะหมดความอดทน และเริ่มลุกขึ้นต่อต้านการนำของรัฐบาล เรื่อง 3 โครงการสตาร์ลิงก์ ของมหาเศรษฐี “อีลอน มัสก์” จะประสบความสำเร็จ และ SpaceX จะมีมูลค่ามากกว่าสองแสนล้านดอลลาร์ เรื่องที่ 4 “โดนัลด์ ทรัมป์” จะกลับมา เพราะเป็นคนไม่ยอมแพ้ และความนิยมยังสูงอยู่ เรื่องที่ 5 “ลูลา” อดีตประธานาธิบดีบราซิล จากพรรคแรงงาน ที่กำลังพ้นโทษจำคุก ก็จะกลับมาเช่นกัน เนื่องจากประธานาธิบดีคนปัจจุบันล้มเหลวในการแก้ไขโควิด-19 และทำให้เศรษฐกิจประเทศมีปัญหา
เรื่องที่ 6 “เอ็มมานูแอล มาครง” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะอยู่ต่อ หลังการเลือกตั้งในเดือนเมษายน เพราะยังเป็นตัวเลือกที่คงเส้นคงวา น่าไว้วางใจได้มากกว่า แม้ไม่สามารถชนะเด็ดขาดได้ในการลงคะแนนรอบแรก แต่รอบสองจะชนะ นับเป็นการปิดฉากกระแสขวาจัดในยุโรปตะวันตก
เรื่องที่ 7 สถานการณ์ในเมียนมา ในปี 2022 จะดุเดือดมากขึ้น เนื่องจาก “รัฐบาลทหาร” ไม่สามารถหยุดยั้งการต่อต้านที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ประชาชนจะยังไม่ชนะ แต่รัฐบาลทหารก็ปราบปรามประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและปราบปรามการต่อต้านไม่สำเร็จเช่นกัน
เรื่องที่ 8 “ DeFi” หรือการปลดปล่อยการเงินให้เป็นอิสระจากรัฐ และควบคุมกันเองโดยคนในชุมชนออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน จะยังเป็นเพียงแนวคิด แม่ในอนาคตจะเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ใช่ในปี 2022 เรื่องที่ 9 ธุรกิจบันเทิงสากลจะแข่งขันกันสนุก หนัง ‘The Batman’ ภาคใหม่ของจักรวาลดีซี จะกวาดรายได้มากกว่า ‘Spiderman No Way Home’ ขณะที่ธุรกิจหนังออนไลน์ ยังคงแข่งขันที่มากขึ้น Netflix จะถูกท้าทายจากผู้เล่นรายใหญ่เจ้าอื่นที่จะไม่ยอมให้ Netflix ครองตลาดอีกต่อไป
และ เรื่องที่ 10 ฝรั่งเศสจะไม่ได้แชมป์บอลโลก ซึ่ง “เสี่ยทอน” แซวว่าอาจจะไม่ถูกใจ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เพื่อนรักสักเท่าไหร่ แต่ฟุตบอลโลกในเดือนธันวาคม ที่กาตาร์ ฝรั่งเศสจะป้องกันแชมป์ไม่ได้ “ลีโอเนล เมสซี” ผู้คว้าบาลงดอร์ 6 สมัย จะปลดปล่อยพลังครั้งสุดท้ายของเขา พาอาร์เจนตินา คว้าแชมป์บอลโลก
อ่านเรื่องที่ “ธนาธร” โพสต์แล้วก็ชวนเคลิบเคลิ้มปนอึ้งว่า ชายวัย 43 ผู้นี้ ช่างมีความรอบรู้กว้างไกลเสียเหลือเกิน แถมรู้รอบด้านครอบคลุมทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ ธุรกิจการเงิน อวกาศ บันเทิง กีฬา ถ้าจะบอกว่าเป็น “กูรู” ที่รู้ทุกเรื่องบนโลกนี้ก็คงไม่ผิด
ว่าแต่เรื่องของ “เสี่ยทอน” เองที่โดนขุดออกมาว่า ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 ทั้งที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย 608 แถมเป็นการฉีดนอกพื้นที่ถึง จ.สมุทรปราการ และเป็นวัคซีน “แอสตร้าเซนเนก้า” ที่ตัวเองเคยออกมาด้อยค่าเสียด้วย เรื่องนี้เป็นดรามา มา 1 อาทิตย์แล้ว กูรูผู้รู้ทุกเรื่องจะไม่ชี้แจงบ้างหน่อยหรือ
**ปชป.เลือดไหล “กุ๊ก นาถยา” ย้ายซบ “หญิงหน่อย” ร่วมไทยสร้างไทย
เพราะเป็นช่วง “ยกสุดท้าย” ของรัฐบาลที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้บรรดานักการเมืองมีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก เรื่อง “ไหลเข้า ไหลออก” จึงมีให้เห็นเป็นประจำ
อย่าง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุงหลายสมัยก็ “ไขก๊อก” อำลาค่ายสีฟ้า... ข่าวว่าจะไปร่วมสร้างพรรคใหม่กับกลุ่ม “สี่กุมาร” และเตรียมเปิดตัวกนในเดือนนี้
ล่าสุด พรรคการเมืองเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ก็มีข่าว “เลือดไหลออก” อีกแล้ว คราวนี้เป็นอดีต ส.ส.กรุงเทพฯ... “กุ๊ก” นาถยา เบ็ญจศิริวรรณ หรือ “นาถยา แดงบุหงา” ดาราดังยุค 80 ก็ได้ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปเมื่อ 24 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ของ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
“กุ๊ก นาถยา” เกิดที่กรุงเทพฯ เป็นลูกคนที่ 7 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน มีพี่สาวฝาแฝดหนึ่งคน นับถือศาสนาอิสลาม จบการศึกษาระดับมัธยม จากโรงเรียนสตรีประเทืองวิทย์ และโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
จากการสวมบท “คุณหญิงกีริติ” ในภาพยนตร์เรื่อง“ข้างหลังภาพ” ฝีมือกำกับของ “เปี๊ยก โปสเตอร์” เมื่อปี 2528 สร้างความประทับใจแฟนภาพยนตร์ และส่งให้ “กุ๊ก นาถยา” เป็นดาวประดับฟ้าของวงการบันเทิง จากนั้นก็มีผลงานการแสดงทั้งละคร และภาพยนตร์ตามมาอีกประมาณ 40 เรื่อง ได้แสดงประกบคู่กับดาราชายหลายสิบคน
หลังจากโลดแล่นในวงการมายาประมาณ 20 ปี จึงหันเหเข้าสู่วงการเมือง ลงสมัคร ส.ส.ที่เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ เมื่อปี 2548 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
แม้ครั้งแรกจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ “นาถยา” ไม่ย่อท้อ ลงสมัครอีกครั้งในเขตพื้นที่เก่า พรรคเดิม เมื่อปี 2550 คราวนี้ได้เป็นส.ส.ตามที่ตั้งใจ และได้เป็น ส.ส.อีกครั้ง ในการเลือกตั้งปี 2554
ส่วนในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2562 แม้จะลงพื้นที่ดูแลประชนอย่างใกล้ชิด แต่กระแสคนกรุงไม่เอาประชาธิปัตย์ หันไปเลือก “ความสงบจบที่ลุงตู่” และอยากจะมี “อนาคตใหม่”... พรรคประชาธิปัตย์ ถึงสูญพันธุ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ
“นาถยา” จึงได้เป็น ส.ส.2 สมัยในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ !!
หลังจากเปลี่ยนคณะผู้บริหารพรรคจากชุด “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มาเป็น “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” การร่วมกิจกรรมกับพรรคของ “กุ๊ก นาถยา” ก็เริ่มลดบทบาทลง กระทั่งมีข่าวลาออกจากสมาชิกพรรคในที่สุด
“นาถยา” ยอมรับว่า ได้ให้คนไปยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว และได้ไปอยู่ “พรรคไทยสร้างไทย” จริง เพราะที่ผ่านมา เวลาลงทำพื้นที่ ก็ได้พบปะกับ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่มาลงพื้นที่เช่นกัน เนื่องจากเขตสะพานสูง เป็นฐานเสียงเดิมของ “หญิงหน่อย”
...ท่านก็เคยชักชวนหลายครั้งว่า เมื่อไหร่จะมาทำงานด้วยกัน จนเมื่อท่านได้ตั้งพรรคไทยสร้างไทยและชักชวนคนอื่น จึงย้ายสังกัดมาร่วมงานตามคำเชิญ ตอนนี้ก็ไปเปิดตัวกับชาวบ้าน ถึงการทำงานการเมือง ในฐานะสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยเต็มตัวแล้ว และการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะลงสมัครส.ส.ในเขตสะพานสูงนี้ต่อไป...
ปรากฏการณ์ “เลือดไหลออก” ของประชาธิปัตย์ เชื่อว่า จะไม่ได้หยุดอยู่แค่ “นาถยา” เท่านั้น เพราะแว่วว่ายังมีอีกหลายคนที่เตรียมโบกมือลา ด้วยเห็นว่าอยู่ต่อไปก็ “ริบหรี่”
มันช่างต่างจากที่คณะผู้บริหารพรรคเวลาเดินสายเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศก่อนหน้านี้ ที่ชูแคมเปญอวดโอ่ว่า "เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ" นั้นมันย้อนแย้ง และสวนทางกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ