“ธรรม์ธีร์” ผอ.ศูนย์ดิจิทัลฯไทยสร้างไทย สับกฎหมายรีดภาษี “คริปโต-หุ้น” ผลักคนไทยหนีลงทุนในประเทศ “ยูนิคอร์นไทย” บินออก ตปท. แนะรัฐเปลี่ยนวิธีคิด เลิกควบคุมหันมาสนับสนุน ด้วย “Sandbox Mindset” ต้องหนุนลงทุนให้ลดหย่อนมากกว่าจ้องเก็บภาษี
จากกรณีที่ กรมสรรพากร ออกมาชี้แจงพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ว่าตามกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบันสำหรับนักลงทุน มีการจัดเก็บภาษีในระดับธุรกรรม ที่เมื่อทำรายการแล้วได้กำไรต้องเสียภาษีทันที แต่เมื่อทำรายการแล้วขาดทุนจะไม่มีการนำมาหักลบจากจำนวนภาษีที่ต้องเสีย
วันนี้ (7 ม.ค. 65) นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า แนวคิดการจัดเก็บภาษีคริปโตเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อนักลงทุน ไม่ทันต่อยุคสมัย ซึ่งต่างประเทศที่สนับสนุนให้มีการลงทุนเกิดขึ้นภายในประเทศจะไม่ใช้วิธีคิดแบบนี้ โดยเฉพาะวิธีคิดภาษีเฉพาะกำไรจากการลงทุนแบบรายธุรกรรม โดยไม่หักลบธุรกรรมที่ขาดทุน และยังต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15% เป็นวิธีคิดที่ไม่เป็นธรรม และสร้างภาระ เพราะแค่นักลงทุนซื้อขายเกิน 2 ธุรกรรมต่อวัน แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามได้ถูกต้องสมบูรณ์ตลอดปีภาษี เป็นการลดแรงจูงใจประชาชนที่ลงทุนภายในประเทศ สวนทิศทางกับกระแสนักลงทุนชาวไทยและภาคเอกชนไทยที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเติบโต
“หากในปี 2565 ที่ประกาศไว้ว่ามีแผนจะเริ่มจัดเก็บภาษีในตลาดหุ้น ซึ่งตามหลักอาจใช้มาตรฐานแบบเดียวกันนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นคงย้ายไปนอกประเทศตามไปด้วยเช่นกัน” นายธรรม์ธีร์ กล่าว
นายธรรม์ธีร์ กล่าวด้วยว่า การบังคับใช้กฎหมายต้องคำนึงถึงหลักการความเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติได้ง่าย แต่กฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ไม่ตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อ วันนี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นโอกาสของคนตัวเล็กและธุรกิจเกิดใหม่ที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระดับโลก ในโลกยุคนี้
“ทุกครั้งที่ภาครัฐจะออกกฎระเบียบเชิงบังคับควบคุม จำเป็นต้องคิดถึงแนวทางเชิงสนับสนุนควบคู่ไปด้วยเสมอ และคำนึงถึงผลบวกให้มากกว่าผลลบเสมอ เพื่อให้ประชาชนและประเทศไม่เสียโอกาส หากยังประเมินผลกระทบได้ไม่ครบด้าน ต้องอนุญาตให้ทำก่อน อย่าเพิ่งรีบออกกฎระเบียบเพิ่ม ไม่เช่นนั้นการพัฒนาไม่เกิด ต้องใช้ Sandbox Mindset เพื่อให้โอกาสแทนการตัดโอกาส จึงอยากขอให้ภาครัฐรีบทบทวนแนวทางปฏิบัติดังกล่าวก่อนจะสายเกินไป จนไม่มีใครสนใจการลงทุนภายในประเทศ”
นอกจากนี้ นายธรรม์ธีร์ ยังตั้งคำถามถึงกรณีที่สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกํากับดูแล Non-Fungible Token (NFT) ว่ามีมาตรการส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการพัฒนาและเติบโตอย่างไร เพราะ NFT เป็นหนึ่งในกลไกที่นำมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความแข็งแรงของทรัพย์สินทางปัญญา และ Soft Power ดังนั้น ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรใช้ Sandbox Mindset เน้นการออกกฎระเบียบที่สนับสนุนคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ประกอบการ เพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาและเติบโตของ NFT ในประเทศไทย ไม่ให้ซ้ำรอยกฎระเบียบที่ผ่านมา ที่เมื่อออกมาแล้ว คนไทยไม่อยากทำธุรกิจในประเทศตัวเอง
“ยูนิคอร์นตัวแรกที่ก่อตั้งโดยคนไทยไม่ได้ (จดทะเบียน) อยู่ในประเทศไทยแล้ว อย่าให้ยูนิคอร์นตัวถัดๆ ไป ต้องบินออกไปนอกประเทศอีกเลย” นายธรรม์ธีร์ กล่าว
นายธรรม์ธีร์ กล่าวอีกว่า หากภาครัฐตั้งใจทำเพื่อการพัฒนาประเทศและต้องการนำรายได้เข้าประเทศจริง การออกกฎระเบียบเพื่อสร้างโอกาสให้กับการลงทุนและธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะจะสร้างรายได้และเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าประเทศที่สามารถจัดเก็บภาษีได้มากยิ่งกว่า และนำไปสู่การพัฒนาอีกระดับจนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับภูมิภาคได้
“การสร้าง Sandbox Mindset ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือคำตอบ โดยนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ไม่เพียงแต่ควรเว้นการเก็บภาษีเท่านั้น ยังควรให้สิทธิประโยชน์นักลงทุนเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ เพื่อสนับสนุนอีกด้วย” นายธรรม์ธีร์ ระบุ