xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ออฟไซด์ พา พท.แพ้แลนด์สไลด์ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาศัยอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานาน จนไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศในประเทศไทยตามสถานการณ์จริง ว่า ในปัจจุบันทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแทบจะหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว สำหรับคนอย่าง “โทนี่” หรือ “แม้ว” นายทักษิณ ชินวัตร ที่พูดในแบบที่ยังคิดว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลา ปี พ.ศ. 2544-2549 หรืออาจจะต่อเนื่องหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี ยังหลงว่าคนไทยยกย่องว่าตัวเองเป็น “เทวดา” หรือยังคิดว่า ความคิดตัวเองเลิศเลอเพอร์เฟกต์ ไม่มีใครเทียบได้ ราวกับว่า หากขาดเขาแล้วประเทศไทยจะล่มสลายไปในวันนี้พรุ่งนี้ ก็ไม่ปาน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย ซึ่งเป็นเพจเครือข่ายสนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร เผยแพร่คำกล่าวของนายทักษิณ หรือ โทนี่ วู้ดซัม ว่า “...ปีใหม่ปีนี้ ผมขออวยพรให้คนไทย ได้ผมกลับไทยเอาไปใช้งานนะครับ...”
พี่โทนี่ กล่าวให้กำลังใจคนไทยสำหรับปีใหม่ปีนี้ ว่า ขอให้ใช้ความอดทนที่ผ่านมา 1 ปี ขอให้อดทนอีกสักครึ่งปี ครึ่งปีหลังถ้าเศรษฐกิจฟื้น ท่านจะได้มีโอกาสได้ประโยชน์ แล้วก็ขออวยพรอีกอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นการอวยพร หรือสาปแช่งคนที่เกลียดผมไม่ก็ไม่รู้ คือ ผมขออวยพรให้คนไทยได้ผมกลับบ้านเอาไปใช้งาน
สิ่งที่ผมต้องการ คือ 1. อยากไปเลี้ยงหลาน 2. ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ผมช่วยคิดแก้ไข พร้อมเสมอ ไม่คิดเงิน 3. จะรับจ้างบรรยายใครเชิญไปไหนก็ไป ขอแค่โอเลี้ยงแก้วหนึ่งพอ และ 4. ผมจะไปชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองไทย มาลงขันส่งเสริมสตาร์ทอัปรุ่นใหม่”
แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาจากคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ข้างต้นย่อมเข้าใจได้ไม่ยากว่า เขา “ต้องการกลับประเทศไทย” ซึ่งในความหมายก็คือ “ได้กลับบ้านแบบไม่มีความผิด หรือไม่ต้องติดคุก” นั่นเอง เพราะในความเป็นจริงเวลานี้เขาสามารถกลับประเทศไทยได้ทุกนาทีตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับความจริงว่า “ต้องมาติดคุกก่อน” เพราะมีหลายคดีที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก รวมไปถึงมีหมายจับหลายคดี ทั้งคดีความผิดตาม มาตรา 112 แต่ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนเป็น “คดีทุจริต” ที่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองมหาศาล
ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งหนทางที่ นายทักษิณ ชินวัตร คิดว่าจะทำให้เขาสามารถกลับประเทศไทยได้ โดยที่ไม่ต้องรับความผิดหรือก่อนหน้านี้ที่เคยกล่าวว่า “กลับแบบเท่ๆ” นั่นแหละ อีกทั้งหากคิดว่ากลับมาได้ ก็ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยที่เชื่อว่ากันว่าเขาเป็นเจ้าของนั้นต้องชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาล ได้ “กุมอำนาจรัฐ” เสียก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่ย้อนกลับไป 7-10 ปีก่อน ก่อนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้ามาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้
เวลานั้น แม้ว่าเขาจะหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ แต่ก็สามารถตั้งรัฐบาล “นอมินี” มาได้เรื่อยมา และมีการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคในเครือข่ายของเขาก็ชนะการเลือกตั้งได้ทุกครั้ง จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเดือนมีนาคมปี 2562 ที่มีการเลือกตั้ง แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือก มีจำนวน ส.ส.มากที่สุด แต่ก็ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล และนั่นทำให้นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รวมไปถึงพรรคเพื่อไทยมีความลำบาก และเริ่มถดถอยนับตั้งแต่นั้น

อีกทั้งสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ นายทักษิณ ต้องเจอกับคู่ต่อกรที่ถือว่าหนักหน่วงที่สุดเท่าทีเคยเจอมา ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะสามารถควบคุมอำนาจรัฐมาได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันนี้ กำลังย่างเข้าสู่ปีที่แปดแล้ว ซึ่งอีกด้านหนึ่งก็หมายความว่า เป็นช่วงเวลา 8 ปี ที่ นายทักษิณ และครอบครัว ห่างหายจากการใช้อำนาจรัฐ สำหรับใช้อำนาจและอิทธิพลทางการเมือง
ขณะที่มวลชนที่เคยใช้เป็นฐานการเมืองก็แตกกระสานซ่านเซ็นอย่างที่รู้กันอยู่ เช่น บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ก็แยกย้ายออกไปสังกัดตามพรรคการเมืองต่างๆ หลายคนก็มาเคลื่อนไหวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเข้มข้น และยังมีการเปิดโปง โจมตี นายทักษิณ และครอบครัวอย่างเผ็ดร้อน ส่วน ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนก็แยกย้าย บางส่วนก็กลายสภาพเป็น “งูเห่า”
สรุปโดยรวมก็คือ “พลัง” ของนายทักษิณ ชินวัตร ในเวลานี้ มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ที่สำคัญในปัจจุบัน “มีคนรู้ทัน” และ “คนเกลียด” มากขึ้น เมื่อเทียบกับในช่วงที่เขาเพิ่งก่อตั้งพรรคไทยรักไทย อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกันว่าเขายังมีอิทธิพลทางการเมืองค่อนข้างสูง เพียงแต่ว่ามัน “ถดถอย” ลงไปมากแล้ว
ที่น่าจับตาก็คือ คำพูดที่แสดงท่าที “อยากกลับบ้าน” ในความหมายในแบบที่กลับมาแบบไม่มีความผิด ซึ่งในเรื่องนี้กลายเป็น “เรื่องอ่อนไหว” สำหรับสังคมไทยไปแล้ว เพราะเพียงแค่เอ่ยปากออกมาเท่านั้นแหละ ก็ได้เรื่องทันที เนื่องจากมีหลายคนออกท่าทางทำนอง “เงื้อเท้ารอ” ล่วงหน้าแล้ว พร้อมประกาศ “ลงถนนทันที” เช่นเดียวกัน
ที่ผ่านมา คงไม่มีใครลืมที่ชาวบ้านจำนวนนับล้านคนออกมาชุมนุมต่อต้าน “กฎหมายนิรโทษ” แบบเหมาเข่ง เพื่อช่วยเหลือให้นายทักษิณ ชินวัตร พ้นจากความผิดในทุกคดี ที่ออกโดยรัฐบาลน้องสาวของตัวเอง คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นสาเหตุทำให้เกิดการรัฐประหาร จากคณะ คสช. และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องหลบหนีคดีออกไปอีกคน จากผลพวงความเชื่อมโยงกับคดีทุจริตโครงการ “จำนำข้าว” ที่สร้างความเสียหายประมาณกว่า 7 แสนล้านบาท และยังต้องตั้งงบประมาณสำรองชำระหนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี
หากพิจารณาจากคำพูดและท่าทีข้างต้นของ นายทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องถือว่า ที่ผ่านมา เขาไม่เคยสรุปบทเรียน หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะต้องหลบหนีอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงสถานการณ์จริง ข้อมูลจริง ว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แม้ว่าจะปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคเพื่อไทยและตัวเขายังมีอิทธิพลในทางการเมืองไม่น้อย แต่รับรองว่าไม่มีทางเป็นแบบเดิม บรรดาคู่แข่งก็ไม่เหมือนเดิม
การออกมาพูดออดอ้อนเรื่องการขอกลับไทย โดยคิดว่าคนไทยอยากให้กลับมาทำงานนั้น มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับว่า “ประเทศไทยขาดเขาไม่ได้” นั้น ไม่ต่างจากการ “หลงตัวเอง” ย่ำแต่ในอดีต จนลืมไปว่า นี่คือ “เรื่องอ่อนไหว” ที่จะก่อให้เกิดกระแส “รวมพลังต้าน” จนไม่แน่ว่าจนถึงวันนั้น จะทำให้พรรคเพื่อไทย “แพ้แบบแลนด์สไลด์” จนหักมุมไปอีกทางก็เป็นได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น