เมืองไทย 360 องศา
ทำท่าจะกลายเป็นเรื่องราวให้ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดอีกแล้ว ว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจากที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อ้างว่า ถูก “เจ้าของพรรค” สั่งปลดพ้นสมาชิกพรรค รวมไปถึงยังอ้างอีกว่า สาเหตุลึกๆ ที่ถูกปลดครั้งนี้ ส่วนสำคัญน่าจะมาจากเรื่องที่ไปรับรู้ “พฤติกรรมชั่ว” บางอย่าง ขณะที่ “เขาคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี” เมื่อหลายปีก่อน
ซึ่งเจ้าของพรรคเพื่อไทย และ “คนทำชั่ว” ตามคำอ้างที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “โทนี่ วู้ดซั่ม” หรือเมื่อครั้งอยู่เมืองไทยรู้จักกันในชื่อ “แม้ว” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังหลบหนีคดีทุจริตหลายคดี และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ในต่างประเทศเวลานี้
นายทักษิณ ชินวัตร อาจจะเรียกว่าถูก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ลูกน้องเก่า แก้แค้นด้วยการ “โยนระเบิด” เข้าใส่โครมเบ้อเร่อ โดนทั้งพรรคเพื่อไทยและตัวเขาเอง โดยไม่รู้ว่าจะมีอนาคตอย่างไรบ้าง เพราะงานนี้รับรองว่า เข้าทางเท้า (ตีน) ของบรรดา “นักร้องอาชีพ” เช่น นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และอีกหลายคน ที่ต้องร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย กรณี “ถูกครอบงำ” จากคนภายนอก หรืออาจมีการรื้อคดี ที่อ้างว่า “มีการทำชั่ว” ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงต้องมีการสืบสาวราวเรื่องกันต่อไปว่า ที่ว่าทำชั่วนั้น “ไปสั่งให้ทำอะไร” กันแน่ และเมื่อ พล.อ.พัลลภ เป็นคนอ้างอิงเอง ก็ต้องสอบเค้นกันได้ไม่ยาก เพราะมีการพูดออกมาชัดเจน ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ยอมรับว่า ตัวเองถูกปลดพ้นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยไม่ได้รับแจ้งเหตุผลว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่เชื่อว่า ไม่ใช่เหตุผลเรื่องการปรับปรุงพรรค เพราะเป็นการปลดตนเพียงคนเดียว ไม่มีการแจ้งล่วงหน้ามาก่อน ทราบเมื่อตอนที่พรรคเพื่อไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรค ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งตนก็จะไปร่วมงาน แต่ลูกน้องโทรศัพท์มาบอกว่า เขาลบชื่อนายออกแล้ว ทำให้ทราบมาตั้งแต่ตอนนั้น จึงได้โทรศัพท์สอบถามจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับทราบว่า นายทักษิณ ชินวัตร ให้ปลด ซึ่งตนก็งงมาก เพราะไม่ได้ไปทำอะไรให้
ถามว่า หากเป็นแบบนี้แล้ว จะต้องต่อสายตรงถึงนายทักษิณหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า “ผมไม่ต่อสายคุยกับเขาหรอกครับ เพราะผมเช็กแล้ว พบว่า เขาเป็นคนสั่งปลด ไปพูดก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากเขาทำไปแล้ว ผมไม่อยากวิจารณ์อะไรมาก เมื่อปลดแล้วคือเขาไม่อยากได้เรา ก็แค่นั้น เขาเป็นเจ้าของพรรค แต่ก็ยังสงสัยว่าผมไปทำอะไร หากมันปรับทั้งหมด ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่นี่เอาออกคนเดียว ยังงงอยู่ว่าผมไปทำอะไร และไม่มีเหตุผลชี้แจง ถาม นพ.ชลน่าน ก็บอกว่า คนนู้นเขาเป็นคนปรับออก หากปรับหลายคนก็เข้าใจว่าเป็นปรับทัพใหม่ เพื่อเอาเด็กเข้ามา นี่ปรับผมออกคนเดียว”
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนได้ข่าวว่า มีการไปบอกให้สื่ออย่านำเสนอข่าว อาจเกรงว่าจะมีผลกระทบ หรือถูกยุบพรรค เพราะถ้าเข้าข่ายเป็นการแทรกแซงก็จะถูกยุบพรรค
เมื่อซักว่า เหตุผลลึกๆ ในการปลด คืออะไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พูดยากจริงๆ แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นเหตุผลในอดีตที่เขาไปทำความชั่วไว้ในเรื่องหนึ่งช่วงที่เป็นนายกฯ เป็นเรื่องที่ตนต้องรับผิดชอบ ตนจึงได้รับคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งเล่าไม่ได้ ตั้งแต่นั้นก็เลยขัดใจกัน เพราะไม่รู้เขาไปรู้เรื่องมาจากไหน แต่ก็งงว่าทำไมมาปลดตอนนี้
“เป็นคำสั่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็พยายามหลบเลี่ยงสุดๆ จริงๆ มันง่ายมากสำหรับผมถ้าจะทำตามคำสั่งนั้น เพราะผมก็เป็นหัวหน้าชุด killing team ทีมล่าสังหารกองทัพบก รบในโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ถ้าทำตอนนั้นก็จบไปแล้ว เขาคงไม่มีชีวิตอยู่จนวันนี้ จนไปอยู่ต่างประเทศ”
เมื่อถามว่ารู้สึกผิดหวังหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ก็ช่วยคนไว้เยอะ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ผิดหวังมาก เพราะตนก็อยู่มาก่อนตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ก็มาปลดเฉยเลย
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา ก็ทำงานทางลับให้พรรคเยอะหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เยอะมาก และหลายแห่ง ที่ไหนที่แก้ปัญหาไม่ได้ มีปัญหาตรงไหน ตนก็วิ่งทั่วประเทศแก้ไขปัญหาให้ แม้จะได้รับมอบหมายให้ดูภาคอีสาน กับเหนือ
นั่นคือคำพูดของ พล.อ.พัลลภ บางตอนที่สำคัญ เป็นการยืนยันให้เห็นชัดเจนอีกครั้งว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เป็นความจริงตามที่ชาวบ้านเชื่อมานานแล้ว เพียงแต่ว่าคราวนี้เป็นการ “ย้ำ” อีกครั้งจากปากของคนที่เคยเป็นสมาชิกพรรค และเคยทำงาน “ลับ” บางอย่างให้กับนายทักษิณมาก่อน
อย่างไรก็ดี งานนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ และมีความเสี่ยงสูงอีกครั้งที่อาจจะถูกร้องจนถึงขั้น “ยุบพรรคเพื่อไทย” กันอีกครั้ง และแม้ว่าในทางกฎหมายอาจจะยังไม่มีหลักฐาน เพราะเป็นเพียงคำพูด หรือคำอ้างของคนๆ หนึ่งเท่านั้นก็ตาม แต่หากมีการร้องเรียนจริง มันก็สามารถขุดคุ้ยหาหลักฐาน รวมไปถึง กัน พล.อ.พัลลภ เป็นพยานก็เป็นได้ เพราะเรื่องการ “สั่งปลด” และ “การสั่งให้ทำชั่ว” ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก และยังเกี่ยวข้องกับจริยธรรมของผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย มันคงไม่ปล่อยให้หายไปกับกาลเวลาเป็นอันขาด
ที่ผ่านมา หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงตั้งแต่ปี 2544-2549 ในช่วงนั้น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี มักมีข่าวในเรื่อง “ภารกิจลับ” หลายครั้ง รวมไปถึงการอยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้ง ทั้งเหตุการณ์ที่ “มัสยิดกรือเซะ” จ.ปัตตานี การปราบปรามผู้ชุมนุมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส รวมไปถึงความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เป็นต้น
และที่น่าสนใจก็คือ ครั้งหนึ่ง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากกรณี “แผนลอบสังหาร” นายทักษิณ ชินวัตร มีการจับกุมนายทหารใกล้ชิดจำนวนหนึ่ง แม้ว่าในครั้งนั้นหลายคนมองว่าเป็น “เกมจัดฉาก” เพื่อสร้างคะแนนนิยม หรือเบี่ยงเบนความสนใจทางการเมืองบางอย่างก็ตาม
อย่างไรก็ดี กรณีล่าสุดที่เกิดจากการที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ออกมาแฉเรื่องราวล่าสุดครั้งนี้ ยังไม่มีคนในพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ หรือชี้แจงแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น นายทักษิณ ชินวัตร และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ทุกคนต่าง “เงียบกริบ” โดยผ่านมานานข้ามวัน ก็ยังไม่มีใครชี้แจง ซึ่งถือว่าผิดวิสัยอย่างยิ่ง เพราะแต่ละเรื่องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มีผลต่ออนาคตของพรรค ทั้งกรณีการ “ครอบงำ” และการ “ทำเรื่องชั่ว” ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า ในที่สุดจะลงเอยอย่างไร แต่รับรองว่า “หนาว” แน่นอน !!