“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. นัดส่งท้ายปี หารือทบทวนคุณสมบัติผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ ถก พ.ร.ก.วาด้า กกต.ชงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.หลักสี่ กทม.แทน “สิระ”
วันนี้ (28 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 51/2564 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของปี มีวาระการพิจารณาที่สำคัญ คือ ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครเขตเลือกตั้งที่ 9 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. …. แทน นายสิระ เจนจาคะ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ
ขณะที่เรื่องเพื่อทราบ อาทิ ความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย และผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 29
ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางกีฬา พ.ศ.2555 พ.ศ. …. หลังเกิดกรณีที่องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาด้า) ห้ามประเทศไทยใช้ธงชาติไทยในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ 1 ปี ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสำนักงานกฤษฎีกา หลังจากเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีผลการเจรจาเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย และวาด้าตอบรับการแก้ไขแล้ว
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 25/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 20) พร้อมกันนี้จะรายงานเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นอกจากนี้ การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน โดยกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เสนอให้ทบทวนหลักเกณฑ์คุณสมบัติ ผู้เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
สำหรับกรอบคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ กำหนดให้ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย มีรายได้ต่อครัวเรือนไม่เกิน 200,000 บาท เงินฝากไม่เกินครัวเรือนละ 100,000 บาท ถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยตามขนาดพื้นที่ที่กำหนด และหากมีรถเกิน 2 คันจะไม่ได้รับสิทธิดังกล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มผู้เข้าร่วมโครงการฯ อาจเพิ่มขึ้น 15 ล้านคน จากปัจจุบัน 13.9 ล้านคน โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องลงทะเบียนคัดกรองคุณสมบัติใหม่ทั้งหมด ภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มข้น โดยสามารถแสดงการใช้สิทธิด้วยบัตรประชาชน แทนการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแบบเดิม