รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.รับทราบกระทรวงและหน่วยงานราชการหลากหลายหน่วย พาเหรดจัดโครงการมอบของขวัญปีใหม่ 2565 ให้แก่ประชาชน
วันนี้ (21 ธ.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบของขวัญปีใหม่ 2565 ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงและส่วนราชการหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานมอบของขวัญปีใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่และแบ่งเบาภาระในช่วงที่ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ��
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบของขวัญปีใหม่โดย การขยายเวลาการใช้สิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทย จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 2565 เป็น 30 เม.ย. 2565 และเพิ่มจำนวนห้องพักโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีก 2 ล้านห้อง กำหนดการสิ้นสุดโครงการวันที่ 30 เม.ย. 2565 รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ใน 5 ภูมิภาค การยกเว้นค่าธรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตการประกอบธุรกิจนำเที่ยวจำนวน 2,000 บาท/ใบอนุญาต ให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเป็นระยะเวลา 2 ปี และการต่ออายุใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ จำนวน 200 บาท/ใบอนุญาต ให้กับมัคคุเทศก์เป็นเวลา 2 ปี
ในส่วนของกระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์มีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เช่าที่ราชพัสดุ ได้แก่ 1. ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่า ปี พ.ศ. 2565 (ไม่รวมค่าเช่าช่วง) สำหรับผู้เช่าเพื่อประกอบการเกษตร ซึ่งเป็นผู้เช่าชั้นดี ไม่มีภาระค่าเช่าค้างจ่าย ส่วนผู้เช่าที่ชำระค่าเช่าปี 2565 ไปแล้วให้ผลักไปเป็นค่าเช่าปี 2566 แทน
2. ยกเว้นเรียกเก็บค่าเช่า 3 เดือน (ไม่รวมค่าเช่าช่วง) ตั้งแต่เดือน มี.ค.- พ.ค. 65 สำหรับผู้เช่าอาคารราชพัสดุและเพื่อประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ประสงค์เข้าร่วมมาตรการนี้ต้องยื่นคำร้องต่อกองบริหารที่ราชพัสดุกรุงเทพฯและสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ 76 พื้นที่ ส่วนผู้เช่าที่ค้างค่าเช่าและต้องการเข้าร่วมโครงการนี้จะต้องชำระค่าเช่าที่ค้างภายในวันที่ 28 ก.พ. 65
พร้อมกันนี้ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้จากเดิมที่สิ้นสุด 31 ธ.ค. 64 เป็นสิ้นสุด 30 มิ.ย. 65 ประกอบด้วย ลดดอกเบี้ย ร้อยละ 100 กรณีผู้กู้ยืมเงินทุกกลุ่มชำระหนี้ปิดบัญชี, ลดดอกเบี้ยร้อยละ 80 กรณีผู้กู้ยืมเงินกลุ่มก่อนฟ้องคดีที่มาชำระหนี้ให้มีสถานะปกติ, ลดดอกเบี้ยปรับเหลือร้อยละ 0.5 กรณีผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี และไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนด ลดเงินต้น ร้อยละ 5 กรณีผู้ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระและปิดบัญชีคราวเดียว และลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการชำระและไม่ผิดนัด
สำนักงาน คปภ. มอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำนวน 10,000 ฉบับ โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนรับกรมธรรม์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ - 28 ก.พ. 65 ที่เว็บไซต์ www.http://xn--o3cwn0j.com/ ขณะที่กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (กรณีเสียชีวิต) ให้กับสมาชิก กอช. รวม 15,000 กรมธรรม์ โดยการสนับสนุนของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต 5,000 กรมธรรม์ และบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำนวน 10,000 กรมธรรม์ ซึ่ง กอช. จะดำเนินการติดต่อสมาชิกที่มีคุณสมบัติเพื่อมอบกรมธรรม์ดังกล่าวต่อไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้มอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนผ่านหลายโครงการ อาทิ 1. ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และหมายเลข 9 ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางกาญจนาภิเษก ทางเฉลิมมหานคร ทางทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุรรัถยา ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 64 - 3 ม.ค. 65
ขสมก. จัดรถให้บริการฟรีงานสวดมนต์ข้ามปีวันขึ้นปีใหม่ 65, บริการที่จอดรถฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูเก็ต, ลดค่าผ่านทางทางพิเศษฉลองรัช 10 บาท ให้กับรถทุกประเภท ตลอดปี 65, ลดค่าโดยสารรถ บขส. 10% ทุกเส้นทาง สำหรับผู้ที่จองตั๋วผ่าน Application E-Ticket และทาง Website เพื่อใช้เดินทางตั้งแต่ 20 ธ.ค. 64 - 20 ธ.ค. 65, ขยายเวลาเปิดให้บริการข้ามปีสำหรับรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง, ขายคูปองทางยกระดับดอนเมือง (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ในราคาพิเศษ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเปิดอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เพื่อบริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ม.ค. 65 ยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ 133 แห่ง ระหว่าง 31 ธ.ค. 64 - 1 ม.ค. 65 นอกจากนี้ ยังยกเว้นค่าบริการเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศในวันสำคัญตลอดปี 2565 นอกจากนี้ หน่วยงานของกระทรวงฯ ยังได้จัดสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนบนถนนสายหลักและสายรองตลอดเทศกาลปีใหม่ ตั้งจุดช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ ก็มีหลายมาตรการด้วยกัน อาทิ โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน “New Year Grand Sale 2022” โดยร่วมกับเอกชนห้างค้าปลีก ค้าส่ง ห้างท้องถิ่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร สมาคมโรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์บริการรถยนต์ ปั๊มน้ำมัน และแพลตฟอร์ม ทั่วประเทศ 30,575 แห่ง สินค้า 25,000 รายการ บริการ 500 รายการ และแพลตฟอร์มมากกว่า 11 ล้านรายการ ในการลดราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสูงสุด 86% ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 64 - 31 ม.ค. 65 นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมอบของขวัญปีใหม่ผ่านบริการอื่นๆ เช่น การเพิ่มบริการออนไลน์ การขยายระยะเวลาการให้บริการนอกเวลาทำการ การลดค่าธรรมเนียมและส่วนลดแก่ผู้ประกอบการและประชาชนในรายการอนุญาตต่างๆ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบโครงการส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2565 ประกอบด้วย กิจกรรม เพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรให้ประชาชนเข้าชมฟรี หรือลดค่าบริการในช่วงเทศกาล คาดว่า จะมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม 56,666 คน เช่น เปิดศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต้อนรับนักท่องเที่ยว เปิดสถานที่ศูนย์วิจัยการเกษตรให้เที่ยวชมจำนวน 12 แห่ง เป็นต้น และเปิดสถานที่ราชการ ปรับภูมิทัศน์รองรับนักท่องเที่ยวเข้าชมช่วงเทศกาลและแจกพันธุ์ไม้ คาดว่า จะมีประชาชนและเกษตรกรได้รับประโยชน์จำนวน 116,450 คน ตัวอย่างจุดบริการ เช่น ศูนย์วิจัยข้าว 3 แห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด 39 แห่ง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม เสริมพลังปีใหม่ จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ มีเกษตรกรและประชาชนได้รับประโยชน์จำนวน 1,445,969 คน โดยจัดหาสินค้าดีมีคุณภาพเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชน และเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรให้แก่เกษตรกรผ่านช่องทางต่างๆ รวมทั้งจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ เช่น www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com เป็นต้น ระยะเวลาดำเนินการระหว่างเดือนธันวาคม 2564-มกราคม 2565
ขณะที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีของขวัญปีใหม่ ประกอบด้วย 1. กิจกรรม การสร้างอาชีพใหม่หลังโควิด เช่น พี่สอนน้องคล่องธุรกิจ พิชิตฝัน, ปัญญาภิวัฒน์ สานฝันสู่อาชีพ, “Stronger(Teen) Mom”, การประกอบอาชีพเป็นเชฟ และการประกอบอาชีพช่างต่างๆ, การขายของออนไลน์, สร้างคนพิการนักออกแบบ และสร้างอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น และ 2. กิจกรรม “Big Smile เพื่อรอยยิ้ม” ได้แก่ “Sharing for bigger smile แบ่งปันเพื่อรอยยิ้มของเด็ก”, Little Big Smile รอยยิ้มในครอบครัวอบอุ่น 3. ระบบรับแจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย แจ้งปัญหาสังคมและขอรับบริการ (E-Service) ผ่านช่องทาง เว็บไซต์ศูนย์ช่วยเหลือสังคม, Line OA พม. เป็นต้น
ส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีมีแผนงานโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2565 ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มอบบริการพิเศษเพิ่มความสุขและรอยยิ้มให้ประชาชนในการรับแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส เรื่องร้องทุกข์ทั่วไป ผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล 1111, www.1111.go.th และ Application PSC 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนกรมประชาสัมพันธ์ มอบบริการข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งข่าวสารเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ ของส่วนราชการ ทางสถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย และมอบความสุขแก่ประชาชนผ่านรายการพิเศษ เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับผู้ประกอบการออนไลน์ ลดค่าครองชีพของประชาชน โดยจะมอบคูปองส่วนลดในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ให้แก่ประชาชนในวันที่ 1-31 มกราคม 2565
ด้าน นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบของขวัญปีใหม่ 2565 จากกระทรวงแรงงาน เพื่อมอบให้กับผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบหลายชิ้น อาทิ
1. ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีรายละเอียดดังนี้ ทางเลือกที่ 1 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 42 บาทต่อเดือน จากเดิม 70 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 2 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 60 บาทต่อเดือน จากเดิม 100 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 3 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 180 บาทต่อเดือน จากเดิม 300 บาทต่อเดือน ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับทั้ง 3 ทางเลือก ยังคงเดิม ทั้งนี้ จากการลดอัตราเงินสมทบดังกล่าวมีผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับประโยชน์กว่า 10.57 ล้านคน เกิดหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1,408 ล้านบาท
2. เพิ่มอัตราเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างสูงสุด 100 เท่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างเลิกจ้างหรือค้างจ่ายเงินเดือน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้ 1. กรณีค่าชดเชย แบ่งเป็น (1) อัตราค่าชดเชยจากเดิม 30 เท่า เพิ่มเป็น 60 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 120 วัน แต่ไม่ครบ 3 ปี (2) อัตราค่าชดเชยจากเดิม 50 เท่า เพิ่มเป็น 80 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 3 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี (3) อัตราค่าชดเชยจากเดิม 70 เท่า เพิ่มเป็น 100 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป 2. กรณีเงินอื่นนอกจากค่าชดเชย อัตราเดิม 60 เท่า เพิ่มเป็น 100 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
3. ฟรี! ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน สำหรับการกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานนอกระบบในกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านทั่วประเทศกว่า 6,000 คน โดยกรมการจัดหางานจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมเหลือร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1-12 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 13 เป็นต้นไป จนสิ้นสุดสัญญาคิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี สำหรับวงเงินกู้ยืม ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มกู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท ผู้สนใจสามารถยื่นกู้ได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ และสำนักงานจัดหางานทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2565 และทำสัญญากู้ยืมเงินภายใน 30 กันยายน 2565