“บิ๊กตู่” ยันกับชาวจะนะ เข้าใจกันแล้ว ขอสันติสุขเกิดกับภาคใต้ เชื่อสถิติเหตุรุนแรงลดลง วอนประชาชนติดตามเรื่องที่เป็นประโยชน์ อย่าเสพแต่ข่าวขัดแย้งในโซเชียล ปลุกชาวใต้สู้ บอกจนอะไรก็แก้ได้ แต่อย่าจนใจ ผุดแนวคิดตัดถนนสายใหม่ลงใต้ แต่ขอฟังความเห็นของ ปชช.ก่อน
วันนี้ (15 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่อาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตรวจติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายกฯกล่าวทักทายทันที ว่า อัสซะลามุอะลัยกุม ขอให้สันติเกิดขึ้นกับทุกคน วันนี้มาด้วยความคิดถึงชาวใต้ และได้ติดตามการดำเนินการต่างๆ มาโดยตลอด เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ และอนาคตยังมีโอกาสอีกมาก รัฐบาลพยายามเร่งแก้ปัญหาทุกอย่างให้ได้ตราบใดที่ตนยังเป็นรัฐบาลอยู่ จะทำหน้าที่ของตนในการแก้ไขปัญหาเดิม และสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นให้เป็นรูปธรรม ตนถือว่าพวกเราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน คือ ครอบครัวประเทศไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหน ศาสนาใด เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยสังคมพหุวัฒนธรรม
นายกฯ กล่าวช่วงหนึ่งถึงการแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมจะนะ ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ ทำเนียบรัฐบาลได้จัดรถส่งพี่น้องเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กลับไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อพี่น้องทุกคนจะได้ปลอดภัย ยืนยันว่า เข้าใจกันแล้ว วันนี้ถือว่ามารับฟังความก้าวหน้าในการดำเนินการและตนอยากสร้างแนวคิดใหม่ๆ ให้กับทุกคน เพื่อที่จะเดินหน้าไปด้วยกันได้ เวลาที่รัฐบาลมีดำริ หรือนโยบายอะไรออกมา ในส่วนของข้างล่างจะต้องร่วมมือกันทำงานให้ร้อยเรียงกันไปให้ได้ เราต้องบูรณาการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างจริงจัง ซึ่งทุกรัฐบาลต้องพยายามดำเนินการ แต่เท่าที่ดูไปได้ช้ามาก ส่วนตัวห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ จึงขอย้ำไปถึงข้าราชการทุกหน่วยงานจะต้องไปดูระบบแผนที่เกษตรกรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ซึ่งมีรายละเอียด มีตัวชี้วัดว่าพื้นที่ในจังหวัดเป็นอย่างไร ประชาชนเป็นอย่างไร มีความอ่อนไหวตรงไหน โดยเฉพาะในระดับที่ต่ำจะต้องเร่งพัฒนาให้ได้มากที่สุด และในเรื่องของ Agri-Map ทุกคนจะได้รู้ว่าเราควรจะปลูกพืชอะไร วันนี้จะปลูกพืชชนิดใดไม่ว่าแต่วันข้างหน้าต้องปรับเปลี่ยน เพราะถ้าทำอย่างเดิมอย่างเดียวปัญหาก็จะเป็นอยู่เช่นทุกวันนี้ เราต้องสร้างรายได้เพิ่มเติมมากกว่ารอผลตามฤดูกาลอย่างเดียว สิ่งสำคัญคือ การแก้ปัญหาหนี้สินทราบว่าทุกคนมีหนี้ ซึ่งตนไม่มีความสุขแต่เราต้องแก้ไขอย่างระมัดระวังอย่างที่สุด ทั้งข้อกฎหมายและบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องรวมทั้งอำนาจหน้าที่ เราต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจนเพื่อเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากภาคประชาชน เพราะทุกอย่างจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งสิ้น หลายเรื่องเกิดมาทุกคนคงทราบดีว่าระยะเวลา 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นบ้าง ยืนยันว่าทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว
“ยืนยันว่า ทุกอย่างในทางนโยบายที่กำหนดมาในเรื่องการพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมจะนะ ทุกอย่างจะทำได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ทั้งเรื่องการทำผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการ (SEA) ต้องทำให้จบครบถ้วนสมบูรณ์ ประชาชนยอมรับได้ก็จะทำต่อ ก็จะมีเรื่องที่ 2-3 ซึ่งจะมีข้อกฎหมายครอบอยู่อีกอันหนึ่ง ซึ่งถ้าทำตามนี้และเข้าใจกันทุกอย่างก็จะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าประชาชนไม่เห็นชอบก็ทำไม่ได้อยู่ดี อย่างนี้ดีหรือไม่ และรัฐบาลพร้อมที่จะเยียวยาให้กับผู้ที่มีผลกระทบอย่างไรต้องมาดูกันอีกครั้ง รวมถึงการทำงาน การลงทุนต่างๆ รัฐต้องดูในทุกมิติ ใครเดือดร้อนมากเดือดร้อนน้อย แต่ถ้าจะทำไปเลยให้เต็มพื้นที่ผมว่ามันไปยาก อะไรที่ทำได้ก็ทำก่อนแต่ต้องผ่าน SEA ก่อนทุกเรื่อง อันนี้ถือว่าเป็นไปตามกฎหมาย เรื่องนี้ขอเน้นย้ำไปทาง ศอ.บต.ด้วย” นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะสร้างถนนสายใหม่ลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นด้ามขวานของประเทศ เพราะปัจจุบันเรามีเพียงถนนเส้นทางเดียว แต่ทั้งหมดต้องฟังความเห็นของประชาชนก่อน เพราะถ้าไม่ยอมรับต่อให้โครงการดีแค่ไหนก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราต้องเคารพเสียงประชาชน
นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มาดูงานด้านความมั่นคง สถิติความรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นค่อนข้างลดลง แต่ยอมรับว่า ยังมีอยู่ตราบใดที่ขบวนการเหล่านี้ยังไม่ยกเลิกหรือหมดไป เหตุการณ์ก็ยังมีอยู่แบบนี้ ทั้งหมดจึงต้องช่วยกันระมัดระวัง แจ้งเตือน ทั้งตัวเองและเจ้าหน้าที่ ประเด็นความมั่นคง สังคมจะช่วยได้มากต้องรู้จักสังเกตสถานการณ์ต่างๆ ไม่เช่นนั้น เราจะขาดความระมัดระวัง เจ้าหน้าที่จะดูแลไม่ทั่วถึง ยืนยันว่า ตนในฐานะนายกฯไม่เคยหยุดคิดตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯครั้งแรก สิ่งที่ต้องการคือทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความสุข ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม สังคมจะต้องมีความเป็นธรรม มีพหุวัฒนธรรม ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข สิ่งเหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงมีรับสั่งกับตน ว่า รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้ประชาชนมีความสุข มีความพึงพอใจ ตนรับพระบรมราโชบายของพระองค์ท่านมาโดยตลอด และพยายามทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา บางอย่างก้าวหน้าไปไกลมากจนไปสู่อนาคตได้ แต่บางอย่างยังพันกับปัญหาเดิมๆ จึงจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายใหม่ในการทำงานต่อไปในปีงบประมาณ 2565 และสิ่งที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมดทุกเรื่องประชาชนต้องมีส่วนร่วมโดยรัฐสนับสนุน วันนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการการพัฒนาแก้ปัญหาความยากจนรายครัวเรือน (กพจ.) จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อนำข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่มาบูรณาการซึ่งหลายคนได้มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างแล้ว บางคนมีทุนเพียงพอสามารถทำได้เลย แต่บางคนอาจต้องรอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งต้องมีการชี้เป้าเพื่อดำเนินการสำรวจในพื้นที่
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาในหลายๆ เรื่องทั้งความยากจน หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดกับคนทุกประเภทตราบใดที่เรายังมีรายได้น้อย เราต้องคิดและหาวิธีว่าทำอย่างไรจะมีรายได้ที่เพียงพอ ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ตนกังวล ซึ่งต้องคิดและทำกันใหม่ ดังนั้น นโยบายต่อไปนี้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐจะต้องคุ้มค่าต้องมีตัวชี้วัดชัดเจน โครงการใดที่ไม่มีประโยชน์ให้เอามาทำโครงการที่มีประโยชน์ อย่างเช่นเรื่องการอบรมก็ทำกันมาเยอะแล้ว ต้องดูว่าอบรมแล้วไปทำประโยชน์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ทำก็อย่าไปอบรมกันเลยเอาเงินตรงนั้นไปสร้างให้เขาเลยดีกว่า เพราะมันเสียทั้งประโยชน์และเวลา
“วันนี้ลองอ่านหนังสือพิมพ์ดู ในส่วนของมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอะไรสักอย่างมีแบบนี้ทุกวันในสื่อโทรทัศน์ อย่าไปอ่านหน้าการเมืองเลย ปวดหัว ดูอะไรที่เป็นประโยชน์กับเราดีกว่า ดูว่ามีประโยชน์ตรงไหนจะแก้ไขอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนต้องรู้จักการเรียนรู้และพัฒนา ตนไม่โทษใครหรือเพราะเป็นความผิดของตนมั้งที่ทำให้ทุกคนเรียนรู้ไม่ได้ ทุกวันนี้ทุกคนควรต้องใฝ่หาใฝ่รู้ว่าวันนี้รัฐบาลทำอะไรบ้าง ในโซเชียลมีเดียมีอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ขัดแย้ง เรื่องที่เป็นสาระไม่มีคนเข้าไปอ่าน แม้กระทั่งของรัฐบาลว่าต้องทำอะไรอย่างไร ประชาชนก็ไม่อ่าน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน อยากขอร้องและขอความกรุณาเข้าไปดูกันหน่อย อะไรที่เป็นเรื่องดีและเกิดประโยชน์หรือเป็นการพัฒนาตัวเองก็ต้องต่อยอดกันให้ได้ หลายโครงการมีผลเป็นที่น่าพอใจและจะขยายผลไปถึงทุกคนโดยเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาถิ่นฐานซึ่งเป็นฐานรากของพวกเรา ตึกทุกหลังบ้านทุกหลังจะต้องมีฐานรากในการก่อสร้างเพื่อทำให้ทุกคนมีความเข้มแข็ง ประเทศชาติก็จะเข้มแข็ง ทุกคนจะต้องมีรายได้ เมื่อประชาชนและรัฐบาลมีรายได้ก็จะมีเงินมาดูแลทุกคนในประเทศ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ถ้ารัฐบาลไม่มีรายได้อะไรเลยก็จะเกิดปัญหาไม่สามารถดูแลเรื่องเก่าๆได้ ซึ่งก็ต้องฝากแนวคิดนี้ไว้ให้ทุกคนร่วมกันทำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผลผลิตทางการเกษตรราคาค่อนข้างผันผวน เราจะต้องทำให้ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคาสินค้าเองได้และมีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้น จะเกิดความขัดแย้ง สำคัญที่สุดคือการสร้างกลไกของเราเองให้ครบวงจร ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องบูรณาการร่วมกันในการช่วยเหลือประชาชน ถ้าสามารถทำงานร่วมกันได้จากทุกภาคส่วนก็จะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น
“ในเวลาครึ่งวันทุกคนใช้ประโยชน์จากออนไลน์ เปิดไปเปิดมา ดูไปดูมาแล้วเอ็นจอยกับการดูที่เหมือนกับการเล่นละคร จริงๆไม่เกิดประโยชน์อย่าไปดูเลย เพียงคนๆเดียวเขียน หรือคนกลุ่มเดียวเขียนออกมา ผมว่ามันไม่ใช่ เราควรจะคิดเอง นายกฯคิดโดยเอาปัญหาจากทุกคนมาคิดอยู่ในหัวของนายกฯ แล้วจะแก้อย่างไรก็นำไปสู่การพิจารณาของฝ่ายบริหาร รวมทั้งต้องไล่ตามว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่ ถ้ามีคนเอาไปบิดเบือนก็ทำให้เกิดความขัดแย้ง ก็จะทำอะไรไม่ได้อีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯกล่าวอีกว่า ตนถือว่า ภาคใต้เรามีความผูกพันกันดีอยู่แล้ว จึงขอให้พูดคุยกันเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาและทำให้ทุกอย่างดีขึ้น อย่างไรก็ตาม วันนี้กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศมุสลิมเป็นที่น่ายินดีว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ในมุมมองของเขา จากการที่ตนได้ประสานกับประเทศหลักๆ ในกลุ่มมุสลิม โดยจะมีความร่วมมือกันในเร็วๆนี้ จากการพูดคุยกัน เช่น ต่างประเทศอยากได้แรงงานของเราโดยเฉพาะในภาคหมอ พยาบาล เพื่อป้อนแรงงาน แต่อย่าให้เขาหลอก บางคนไม่ซื่อ คนเลวก็คือเลว ไม่กลับตัวกลับใจสักที
“ประเทศไทยมีสมรรถนะทางการทหารเท่าอเมริกาหรือไม่ เป็นแค่นิดนึงของเขา แต่เรามีวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ขึ้นมา คือ ความเป็นชาติ ความมีศาสนาที่หลากหลาย และสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือ Soft Power ของเรา ต้องทำให้ทุกคนยอมรับว่าประเทศไทยเป็นสุขได้ทุกวันนี้ เพราะเป็นแบบนี้ เราใช้กำลังกันไม่ได้ เกิดปัญหาแล้ววันหน้ามีคนมาแสวงหาประโยชน์ทุกที อย่าทำให้มันเกิดขึ้น มันต้องมีคนได้ประโยชน์เสียประโยชน์กับความขัดแย้งต่างๆ ทั้งปวง นายกฯไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใคร” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้มีโครงการหลายโครงการของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และอีกหลายโครงการของสถาบัน ฟังดูเป็นเรื่องใหม่ แต่จริงๆ เป็นเรื่องของการประยุกต์และการพัฒนา ซึ่งสถาบันนำมาทำตรงนี้นี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ที่พระองค์ท่านไม่เคยหยุดห่วงใยพวกเราสักวัน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นชาติมาถึงทุกวันนี้ ถ้าเราไม่มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะไปไหนยังไม่รู้ วันนี้อาจไปอยู่กับใครก็ยังไม่รู้เลย
พล.อ.ประยุทธ์ ถอนหายใจ พร้อมกล่าวว่า วันนี้เหนื่อย เหนื่อยอย่างอื่นด้วย เพราะมีหลายเรื่อง ประเทศไทยมีคน 70 ล้าน 70 ล้านน้ำใจ 70 ล้านความคิด ตนมีหน้าที่ทำให้กว่า 70 ล้านคน ร่วมมือกันไปอย่างไร ตรงนี้ใครที่ยังไม่ร่วมมือคิดตามกันได้หรือไม่ ซึ่งไปบังคับกันไม่ได้ในประชาธิปไตย ที่ตนพูดมีความผิดหรือไม่ ซึ่งหลายเรื่องทำยากที่สุด ถ้าทำง่ายจบไปหลายรัฐบาลแล้วแต่เราก็ทำไปเยอะแล้วในการปูพื้นฐาน นายกฯ ทำมาตลอด 2 รัฐบาล ที่ตนอยู่ตรงนี้ไม่เคยหยุดคิดไม่เคยหยุดทำ นี่คือ สิ่งที่ทำมาเพียงระยะเวลาแค่นี้ ถ้าทำมาก่อนหน้านั้นตั้งเยอะตนก็คงไม่ต้องทำมากตอนนี้ แต่ไม่โทษใคร โทษใครไม่ได้ เราต้องเคารพในเสียงของประชาชน ก่อนที่นายกฯจะถอนหายใจ และกล่าวต่อว่า “ขอให้ทุกคนมีความฝันร่วมกัน ฝันดี ฝันในสิ่งที่ดีๆ ถ้าเจอหน้าทะเลาะกันมันไม่น่ารัก มันโกรธไปก็เท่านั้น เจอหน้าก็ฮัมๆ ใส่กัน ภรรยาก็ยิ้มหวานใส่สามี จะโกรธจะเคืองอะไรก็ขอให้ยิ้มไว้ก่อน สามีก็ดูแลครอบครัวให้ดี ก่อนจะกล่าวหยอกล้อกับประชาชนว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ แคลเซียม คนภาคใต้มีลูกเยอะ ฟันจะเสียลูกเอาแคลเซียมไปใช้ เรื่องนี้อย่าหัวเราะ เพราะถ้ามีลูกเยอะแคลเซียมแม่ก็ไปหมด ฟันก็เริ่มล่วงไปเรื่อยๆ เพราะขาดแคลเซียม”
ก่อนที่ นายกฯ กล่าวอีกว่า “มีความฝันร่วมกันกับผมกันด้วยนะ วันนี้มีความสุขอยากจะบอกว่ามีความสุขจริงๆ เพราะโอกาสที่ผมจะมาภาคใต้มันไม่ค่อยเยอะมากนัก แต่ผมไม่มา ผมก็พยายามติดตามให้มากที่สุดผ่านกลไกที่มีอยู่แล้วรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไปด้วย มีอะไรก็บอกกันมีอะไรก็ส่งข่าวถึงนายกฯได้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเขียนจดหมายถึงมาได้ จดหมายรักไม่ต้อง ผมพูดแหย่เล่น นายกฯชอบพูดเล่นกับพวกเราอย่าถือสาเลย อยากให้บรรยากาศคลี่คลายไม่ใช่นั่งหน้าเครียดตัวตรง”
พอพูดถึงช่วงนี้ได้มีประชาชนตะโกนขอให้รัฐบาลต่อโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายกฯ จึงกล่าวว่า คงต้องมีไปเรื่อยๆ ทยอยให้ทีละงวดๆ ของเก่าก็เติมให้ ซึ่งรายได้มาจากภาษี แต่วันนี้การจัดเก็บภาษีได้ลดลง เนื่องจากสถานการณ์โควิด วันนี้มีสิ่งเดียวที่แก้ปัญหาได้และเปิดทุกอย่างได้ คือ การฉีดวัคซีน ใครยังไม่ฉีดยกมือขึ้น โดยวันนี้ต้องฉีดครบ 2 เข็มถึงเวลาต้องไปฉีด อย่ากลัวโอไมครอน ไม่รู้จะมาอีกกี่เชื้อ ซึ่งวันที่ 14 ธ.ค.ตนได้คุยกับผู้แทนแอสตร้าเซนเนก้า ยืนยันว่า ถ้าทุกคนฉีดวัคซีนจะลดความเสี่ยงในความรุนแรงและการสูญเสียชีวิต เป็นหลักการที่ทุกบริษัทคิดเช่นนี้หมด ส่วนเรื่องการแพร่ระบาดและการกระจายโรค ยึดมาตรการป้องกัน ถ้าทำได้ทุกครอบครัวจะปลอดภัย ไม่ว่าจะโอไมครอนหรืออะไรก็ตาม แต่อยากให้ระมัดระวังในประเพณีต่างๆ ของพี่น้องชาวมุสลิม เพราะบางครั้งเห็นว่าเอาหน้ากากไปไว้ใต้คางและพูดคุยกันตลอด โดยเฉพาะในร้านน้ำชา แล้วจะใส่กันไปทำไมแบบนี้ ถ้าจะบอกว่าใส่แล้วหายใจไม่ออกแล้วติดเชื้อโควิดจะทำกันอย่างไร อย่างตนใส่หน้ากากพูดก็เหนื่อยมาก พูดทั้งวัน บางเวลาต้องหันหลังแอบไปเปิด เพราะไม่ไหว แต่พวกท่านไปคุยกันที่ร้านน้ำชา 3 เวลา เดี๋ยวก็ติดกันไปหมด ขอให้ระวังกันอย่างที่สุดนะจ๊ะ นายกฯพูดกับสาธิตการใส่หน้ากากผิดวิธี
นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ให้รู้ว่า นายกฯ มาวันนี้ด้วยความคิดถึง คิดถึงจังฮู้” พร้อมระบุว่า การแก้ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ตนพยายามมาหลายปีแล้วในการแก้ปัญหา และจะพยายามต่อไป
จากนั้นนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนและถ่ายภาพร่วม พร้อมกล่าวว่า “ขอเพียงความเข้าใจ กำลังใจ นายกฯต้องการกำลังใจเพียงเท่านั้น”
“จนอะไรเราก็แก้ได้ แต่ถ้าจนใจมันแก้ไม่ได้ เราต้องสู้ ขอให้พี่น้องภาคใต้ต้องสู้ วันนี้เราต้องยกระดับภาคใต้ของเราให้ได้โดยเร็ว นายกฯ เป็นห่วงที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ เราต้องไปด้วยกัน ถ้าไม่ไปด้วยกันเราก็ต้องอยู่แบบนี้ ก็ไปกันไม่ได้ทั้งหมด เราต้องแก้กันทีละเปลาะแล้วค่อยเดินหน้า ผมดีใจที่ได้มาพบกับพี่น้องภาคใต้และโอกาสข้างหน้าจะลงไปในทุกพื้นที่เพื่อได้เจอกับตัวจริง” ก่อนจะกล่าวอัสซะลามุอะลัยกุม และขอให้ทุกคนดำเนินโครงการให้สำเร็จ
สำหรับการลงพื้นที่ของนายกฯในวันเดียวกันนี้ใช้รถยนต์โตโยต้าสีขาว เลขทะเบียน 1 ขข 2880 กรุงเทพมหานคร