ไอลอว์ รวมพลัง ปชช.รื้อมรดก คสช. คาด สภาถกร่าง กม.พรุ่งนี้ ขู่ไม่รับหลักการวาระแรก อนาคตการเมืองดับ นักการเมือง-NGO ดอดปั่นกระแส “ทัศนีย์” ขอฝ่ายค้าน-รบ.ช่วย ปชช. วิป 2 ฝ่ายดอดรับเรื่อง คาดพิจารณาไม่ทัน 1 ธ.ค. ส.ส.ปชป.เจอ 3 นิ้วไล่
วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ลานประชาชน บริเวณด้านข้างอาคารรัฐสภา แยกเกียกกาย โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) และเครือข่าย People Go จัดกิจกรรม “รวมพลังประชาชน รื้อมรดก คสช.” เพื่อแสดงพลังเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร รับหลักการร่างกฎหมายของประชาชน ที่ให้รื้อมรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือยกเลิกประกาศ และคำสั่ง คสช. ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย โดยกิจกรรมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย และมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่ง
โดย นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่เราอยู่ภายใต้เผด็จการทหาร มีการออกคำสั่ง และออกกฎหมายต่างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือคัดค้านได้ โดยประกาศ และคำสั่งเหล่านี้ เป็นอำนาจสูงสุดใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เราอยู่ภายใต้บรรยากาศแบบนี้เป็นเวลา 5 ปีกว่า ทั้งนี้ เราประกาศจะปลดอาวุธ คสช. คือ การปลดอาวุธทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 61 ต่อมาวันที่ 24 มิ.ย. 62 เรารวบรวมรายชื่อจนครบและยื่นต่อสภา วันนี้หมือนจะมีข่าวดี หลังจากได้รับแจ้งว่า ร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช. กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สภาจากการเลือกตั้ง จะได้ทบทวนมรดกของคณะรัฐประหาร
“หวังว่า พรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนจะไม่ปฏิเสธร่างกฎหมายฉบับนี้ รับไปก่อนแล้วค่อยแก้ไขก็ได้ หากนักการเมืองคนไหนไม่มา เสนอให้เลื่อน หรือลงมติไม่รับ เราจะไม่เลือกคนเหล่านี้มาเป็นผู้แทนประชาชน พวกเขาจะไม่มีอนาคตทางการเมืองอีกต่อไป” นายยิ่งชีพ กล่าว
จากนั้น มีการจัดวงเสวนาเกี่ยวกับผลกระทบจากมรดก คสช. โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้คำสั่ง คสช. มีผล 2 ลักษณะ คือ คำสั่งที่จำกัดสิทธิ เสรีภาพ และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน กับ คำสั่งที่มีผลกระทบต่อระบบโครงสร้างการพัฒนาประเทศ คำสั่ง คสช. มีลักษณะพิเศษ คือ ไม่ต้องฟังเสียงประชาชน ทุกด้านคำนึงถึงธุรกิจทุนขนาดใหญ่ โดยไม่ได้คำนึงถึงประชาชนทั่วไป ส่วนเรื่องการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ เป็นเรื่องที่ต้องยกเลิกโดยเร็ว
น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญปี 59 ต้องมีการทำประชามติ ตนอ่านแล้วพบว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประชาชนจะเสียสิทธิขั้นพื้นฐาน จึงได้แสดงความเห็น โดยปฏิบัติตามคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่งจดหมายไปตามบ้านเรือนประชาชน โดยบอกถึงข้อเสียของรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย จึงส่งไปตามบ้านเรือนประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง แต่หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ มีข่าวใหญ่ว่า มีการจับจดหมายบิดเบือนรัฐธรรมนูญ และตามจับคนทำจดหมาย สรุปตนถูกแจ้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร และต้องขึ้นศาลทหาร
“ทุกคนได้รับผลกระทบจากคำสั่ง คสช.ถ้วนหน้า จึงอยากเรียกร้อง ส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ช่วยกันรื้อมรดก คสช.ก่อน ด้วยการรับหลักการเพื่อแก้คำสั่งช่วยประชาชน อยากให้ประชาชนช่วยกันจับตาดูในวันพรุ่งนี้” น.ส.ทัศนีย์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.สุภาภรณ์ มาลัยลอย ผู้จัดการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในพื้นที่ป่าคุณทวงคืนให้โดยให้ประชาชนออกจากพื้นที่ แต่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำทำเหมืองแร่ได้ รวมถึงการควบคุมบุคคลไม่ให้สื่อสารความคิดต่าง คือ สิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนในยุค คสช. ดังนั้น คำสั่ง คสช. ได้รวบอำนาจทรัพยากรเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยมีหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ซึ่งอำนาจเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ เราแค่ขอกลับไปสู่สภาวะปกติ และไม่ควรเห็นว่าการใช้อำนาจลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติ
จากนั้นเวลา 18.00 น. ตัวแทนวิป 2 ฝ่าย โดยตัวแทนวิปรัฐบาล ได้แก่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนวิปรัฐบาลมารับหนังสือ โดย นายชินวรณ์ ระบุว่า ขณะนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้บรรจุเข้าระเบียบวาระของที่ประชุมสภาแล้ว อยู่ลำดับที่ 5.6 ส่วนจะได้พิจารณาในวันที่ 1 ธ.ค. หรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะขึ้นกับที่ประชุมจะใช้เวลาในการพิจารณากฎหมายแต่ละฉบับนานเท่าใด
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส,.มหาสารคราม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้มารับหนังสือ พร้อมระบุว่า พรรคฝ่ายค้านพร้อมผลักดันเต็มที่ แต่คิดว่า ในวันที่ 1 ธ.ค. ไม่น่าพิจารณาได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับหนังสือเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่ นายชินวรณ์ และ นายอิสระ กำลังเดินทางกลับ ปรากฏว่า มีประชาชนบางส่วนที่ร่วมกิจกรรมบริเวณลานประชาชน ได้ชู 3 นิ้ว พร้อมกับตะโกนโห่ไล่ กระทั่ง นายชินวรณ์ และนายอิสระ ขึ้นรถกลับ ขณะที่ นายสุทิน เดินทางกลับด้วยความเรียบร้อย
วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.15 น. ที่ลานประชาชน บริเวณด้านข้างอาคารรัฐสภา แยกเกียกกาย โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) และเครือข่าย People Go จัดกิจกรรม “รวมพลังประชาชน รื้อมรดก คสช.” เพื่อแสดงพลังเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร รับหลักการร่างกฎหมายของประชาชน ที่ให้รื้อมรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือยกเลิกประกาศ และคำสั่ง คสช. ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย โดยกิจกรรมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย และมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่ง
โดย นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 5 ปี ที่เราอยู่ภายใต้เผด็จการทหาร มีการออกคำสั่ง และออกกฎหมายต่างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือคัดค้านได้ โดยประกาศ และคำสั่งเหล่านี้ เป็นอำนาจสูงสุดใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เราอยู่ภายใต้บรรยากาศแบบนี้เป็นเวลา 5 ปีกว่า ทั้งนี้ เราประกาศจะปลดอาวุธ คสช. คือ การปลดอาวุธทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 61 ต่อมาวันที่ 24 มิ.ย. 62 เรารวบรวมรายชื่อจนครบและยื่นต่อสภา วันนี้หมือนจะมีข่าวดี หลังจากได้รับแจ้งว่า ร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช. กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สภาจากการเลือกตั้ง จะได้ทบทวนมรดกของคณะรัฐประหาร
“หวังว่า พรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนจะไม่ปฏิเสธร่างกฎหมายฉบับนี้ รับไปก่อนแล้วค่อยแก้ไขก็ได้ หากนักการเมืองคนไหนไม่มา เสนอให้เลื่อน หรือลงมติไม่รับ เราจะไม่เลือกคนเหล่านี้มาเป็นผู้แทนประชาชน พวกเขาจะไม่มีอนาคตทางการเมืองอีกต่อไป” นายยิ่งชีพ กล่าว
จากนั้น มีการจัดวงเสวนาเกี่ยวกับผลกระทบจากมรดก คสช. โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การใช้คำสั่ง คสช. มีผล 2 ลักษณะ คือ คำสั่งที่จำกัดสิทธิ เสรีภาพ และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน กับ คำสั่งที่มีผลกระทบต่อระบบโครงสร้างการพัฒนาประเทศ คำสั่ง คสช. มีลักษณะพิเศษ คือ ไม่ต้องฟังเสียงประชาชน ทุกด้านคำนึงถึงธุรกิจทุนขนาดใหญ่ โดยไม่ได้คำนึงถึงประชาชนทั่วไป ส่วนเรื่องการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ เป็นเรื่องที่ต้องยกเลิกโดยเร็ว
น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญปี 59 ต้องมีการทำประชามติ ตนอ่านแล้วพบว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ประชาชนจะเสียสิทธิขั้นพื้นฐาน จึงได้แสดงความเห็น โดยปฏิบัติตามคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่งจดหมายไปตามบ้านเรือนประชาชน โดยบอกถึงข้อเสียของรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย จึงส่งไปตามบ้านเรือนประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง แต่หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ มีข่าวใหญ่ว่า มีการจับจดหมายบิดเบือนรัฐธรรมนูญ และตามจับคนทำจดหมาย สรุปตนถูกแจ้งข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร และต้องขึ้นศาลทหาร
“ทุกคนได้รับผลกระทบจากคำสั่ง คสช.ถ้วนหน้า จึงอยากเรียกร้อง ส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ช่วยกันรื้อมรดก คสช.ก่อน ด้วยการรับหลักการเพื่อแก้คำสั่งช่วยประชาชน อยากให้ประชาชนช่วยกันจับตาดูในวันพรุ่งนี้” น.ส.ทัศนีย์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.สุภาภรณ์ มาลัยลอย ผู้จัดการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในพื้นที่ป่าคุณทวงคืนให้โดยให้ประชาชนออกจากพื้นที่ แต่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำทำเหมืองแร่ได้ รวมถึงการควบคุมบุคคลไม่ให้สื่อสารความคิดต่าง คือ สิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนในยุค คสช. ดังนั้น คำสั่ง คสช. ได้รวบอำนาจทรัพยากรเข้าสู่ศูนย์กลาง โดยมีหัวหน้า คสช.เป็นประธาน ซึ่งอำนาจเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ เราแค่ขอกลับไปสู่สภาวะปกติ และไม่ควรเห็นว่าการใช้อำนาจลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติ
จากนั้นเวลา 18.00 น. ตัวแทนวิป 2 ฝ่าย โดยตัวแทนวิปรัฐบาล ได้แก่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนวิปรัฐบาลมารับหนังสือ โดย นายชินวรณ์ ระบุว่า ขณะนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้บรรจุเข้าระเบียบวาระของที่ประชุมสภาแล้ว อยู่ลำดับที่ 5.6 ส่วนจะได้พิจารณาในวันที่ 1 ธ.ค. หรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะขึ้นกับที่ประชุมจะใช้เวลาในการพิจารณากฎหมายแต่ละฉบับนานเท่าใด
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส,.มหาสารคราม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้มารับหนังสือ พร้อมระบุว่า พรรคฝ่ายค้านพร้อมผลักดันเต็มที่ แต่คิดว่า ในวันที่ 1 ธ.ค. ไม่น่าพิจารณาได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรับหนังสือเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่ นายชินวรณ์ และ นายอิสระ กำลังเดินทางกลับ ปรากฏว่า มีประชาชนบางส่วนที่ร่วมกิจกรรมบริเวณลานประชาชน ได้ชู 3 นิ้ว พร้อมกับตะโกนโห่ไล่ กระทั่ง นายชินวรณ์ และนายอิสระ ขึ้นรถกลับ ขณะที่ นายสุทิน เดินทางกลับด้วยความเรียบร้อย