อย่าทำตัวเป็นทาสใคร! “ไพศาล” ซัดแรง “ไทยไม่ก้มหัวให้สหรัฐฯ” โต้สื่อบางสำนัก “ไม่เชิญไม่เสียหาย” โชคดีเสียอีก “ดอน” ชี้ การเมืองล้วนๆ “ปณิธาน” ระบุที่มา การประชุมครั้งนี้ “มีพัฒนาการเชิงลบประชาธิปไตยกำลังจะตาย”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น อดีตกุนซือบิ๊กป้อม ฟันฉับ! ไทยไม่ก้มหัวให้สหรัฐฯ ซัดพวกด่า ปท.ตัวเองทำตัวเป็นทาส
โดยระบุว่า จากที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามกรณีสหรัฐอเมริกา จัดการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย เชิญ 110 ประเทศ โดยมี 3 ประเทศอาเซียน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ไม่ได้เชิญประเทศไทยนั้น
ต่อมา นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวไว้สองข้อความที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า
“โชคดีที่เขาไม่เชิญ ถ้าไม่ถูกเชิญเป็นการตกขบวนก็ยิ่งน่ายินดี เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ สิงคโปร์ และประเทศที่ไม่ยอมเป็นขี้ข้าจำนวนมาก มีประชากรกว่าค่อนโลกก็ไม่ได้รับเชิญเหมือนกัน ไทยไม่ใช่ทาสใคร!”
ล่าสุด วันนี้ นายไพศาล ยังได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยแชร์แบนเนอร์ของสื่อสำนักหนึ่ง ซึ่งโจมตีนายกรัฐมนตรี ในทำนองขายขี้หน้าที่สหรัฐอเมริกาไม่เชิญ ทำให้ นายไพศาล ต้องออกมา ระบุว่า
“อย่าทำตัวเป็นทาสใคร!! สหรัฐฯไม่เชิญใครไปร่วมประชุม ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร มันเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศที่เขาต้องการครอบงำบังคับชาติอื่น เพื่อให้ทำตามความต้องการ
ใครไม่ยอมค้อมหัวเป็นทาส ก็ใช้วิธีไม่เชิญไปประชุม!!! จะให้ยอมเป็นทาสเขาแค่เพื่อไปประชุมหรือ? ประเทศกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่มีประชากรค่อนโลก และประเทศอาเซียนหลายประเทศ เขาก็ไม่ยอมก้มหัวให้ จึงไม่ถูกเชิญไปร่วมประชุม!!!
รัสเซีย จีน อิหร่าน สิงคโปร์ และอีกร่วมร้อยประเทศ เขาก็ไม่ค้อมหัวให้ และไม่ใส่ใจว่าการประชุมนี้มีคุณค่าอะไร!!! ใครไม่อยากเป็นทาสก็ต้องยินดีที่เขาไม่เชิญ!!! ผู้ที่ถูกเชิญและไปประชุมต่างหากเล่า จึงต้องขายหน้าคนทั้งโลก!!!!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อโพสต์ของนายไพศาล เผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เห็นด้วย และตั้งคำถาม ข้อสงสัยถึงสื่อมวลชนในไทย ว่า ทำไมยอมเป็นขี้ข้าต่างชาติ เช่น
“อเมริกาแค่เอาประเทศอื่นเป็นตัวประกอบ เพื่อให้ดูว่าเป็นการประชุมนานาชาติ… เอาไต้หวันมาหาเรื่องจีนแค่นั้น… ดีแล้วที่ไม่เชิญไทยเพราะเสี่ยง ไทยก็ไม่อยากไปเป็นเครื่องมือเล่นงานจีน”
“ต้องถามว่า ประชุมแล้วได้อะไร ใครได้ประโยชน์ ไม่เชิญ ก็ไม่เป็นไรใครแคร์ ทำไมต้องเขิน ตั้งตัวเป็นเจ้าโลก อุปโลกน์ว่าตัวข้านี่ ปชต. แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย หาเรื่องวุ่นวายไปทั่วโลก นิสัยแบบนี้คุ้นๆ ไหม? เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหน อยากจะรบ อยากจะบูลลี่ใคร ก็ไปทำให้ไกลๆ บ้านเรา แค่เรื่องในประเทศตัวเอง ก็วุ่นวายกันพออยู่แล้ว สรรหาเรื่องได้ไม่เว้นแต่ละวัน กระสันจะก่อสงครามเต็มที ไบเดนควรไปแก้ปัญหาคนติดยา คนไร้บ้านในรัฐต่างๆ ให้สำเร็จก่อน ก่อนจะมายุ่งนอกบ้านตัวเอง”
“ใช่ครับ แต่สำนักข่าวช่องตลก บอกเราจะตกขบวน เพราะเราต้องอยู่ในสังคมโลก555 น่าขำ สังคมแห่งการกดขี่ เอาพวกมาก ลากไป คิดจะคว่ำบาตรใครก็ทำตามอำเภอใจ ใช้สิทธิมนุษยชนกดหัวชาติที่ไม่เห็นด้วย เพราะมีพวกมาก”
“มันเชิญเฉพาะประเทศที่มันลูบหัวเล่นได้ น่าภูมิใจมากนักเหรอ ประเทศไทย ไอ้กันมันลูบหัวและบงการอะไรไม่ได้ แล้วมันจะเชิญทำไม ดีแล้วครับ ถึงมันเชิญก็ไม่สมควรไป ไอ้ฝรั่งพวกมะกัน มันต้องการฮุบประเทศไทย ก็แค่นั้น ดูอย่างประเทศจีน ไม่เคยคิดร้ายต่อประเทศไทย แม้ครั้งเดียว จีนมีแต่ให้การช่วยเหลือประเทศไทยมาตลอด คนไทยบางประเภท เสือ…อยากให้ประเทศไทย เป็นลูกทาสอเมริกา สันดานเล…หนักแผ่นดินจริงๆ คนไทยหนักแผ่นดิน จำนวนไม่น้อย ไอ้องค์กรอุบาทว์ หลายๆ องค์กรนะ ในประเทศไทย สมควร ขับไล่ให้พ้นแผ่นดินไทย ไอ้พวกขี้ทูต ด้วยเสือ…ไปทุกเรื่อง”
“ทำไมพวกสื่อหลายแห่ง ชอบเหยียบย่ำประเทศเรากันเอง เลว…”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ทีมไทยย้อนแสบ! เมินสหรัฐฯไม่เชิญ ลั่นจุดยืน ปชต.ไม่ใช่สาธารณรัฐ
เนื้อหาระบุว่า จากที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯประกาศรายชื่อ 110 ประเทศ ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ทางออนไลน์ที่สหรัฐฯ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 9-10 ธันวาคม 2564 และไม่เชิญประเทศไทย
เรื่องนี้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ครั้งที่ 9 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงประเด็นการเยือนรัฐบาลเมียนมา โดยตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาไม่เชิญประเทศไทยเข้าร่วมประชุมประชาธิปไตยในเดือนธันวาคมนี้หรือไม่
จากนั้น นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลุกขึ้นตอบกระทู้ว่า “การประชุมดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ เป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องการเล่นงานกันและกัน ไม่ใช่ว่าเพื่อนอาเซียนทั้งหลายจะได้รับเชิญ ไม่มีหรอกนะครับ บางประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งเขาก็ไม่ได้รับเชิญด้วย เพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลกในเรื่องของการไม่ได้รับการเชิญ
บางเรื่องเราดีใจด้วยซ้ำไปไม่ต้องเชิญเรา บ่อยครั้งถ้าไม่เชิญเราก็บอกว่าดี และถ้าเชิญเราก็จะต้องพิจารณาว่าจะต้องไปหรือไม่ไป มันเป็นดาบสองคมในหลายกรณีด้วยกัน ไม่ใช่ว่าไม่มีคำเชิญ แล้วเราต้องตื่นกระทืบเท้าด้วยความเสียใจ ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น ในโลกของความเป็นจริง จะมีคำเชิญ แล้วเราต้องลิงโลดที่จะไป ก็ไม่ใช่เช่นกัน ความเป็นจริงของชีวิตในด้านการต่างประเทศไม่ได้ออกมาในด้านที่หลายคนเข้าใจ” นายดอน กล่าว
ขณะที่ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้กับคมชัดลึกออนไลน์ บางช่วงด้วยว่า เวทีการประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐฯในการกอบกู้ความเชื่อมั่นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ซึ่งสหรัฐฯเป็นผู้ผลักดันมาหลายสิบปี แล้วนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและการทูตในหลายประเทศที่ตกต่ำลง
“มีพัฒนาการในเชิงลบว่าประชาธิปไตยกำลังจะตาย มีหนังสือสำคัญออกมา เช่น ที่อังกฤษของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมกำลังจะตาย รวมถึงสหรัฐฯที่มีการบุกไปรัฐสภาในสหรัฐฯมีการเสียชีวิตของผู้ประท้วง มีการละเมิดคนผิวสี มีข้อสังเกตตรงนี้ ทำให้สหรัฐฯ มีความวิตกกังวลมากว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมตะวันตกที่สหรัฐฯ และอังกฤษผลักดันมาหลายสิบปีเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทางการทูตเพื่อกดดันเพื่อให้มีพันธมิตรมากขึ้น” รศ.ดร.ปณิธาน ปูพื้นถึงความพยายามของสหรัฐฯในการจัดประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ รศ.ดร.ปณิธาน ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของไทยเร่งทำความเข้าใจและให้รู้ว่ามีจุดยืนของตัวเอง ประชาธิปไตยไม่ใช่สาธารณรัฐ ไม่ใช่ประธานาธิบดีเป็นประมุข หรือเลือกตั้ง ทุกอย่างเกิดปัญหาเหยียดสีผิวแก้ไม่ได้ เราไม่นิยมแบบนั้น ถ้ายืนได้ด้วยตัวเอง เข้มแข็งขึ้น ไม่ยอมสหรัฐฯมากขึ้น ทั้งนี้ ต้องระวังไม่กระทบสัมพันธ์โดยรวมซึ่งยังดีอยู่ แต่กรณีนี้ถือเป็นเรื่องการเมือง
แน่นอน, ดูเหมือนประเด็นสำคัญ อยู่ที่ การกอบกู้ “เสรีประชาธิปไตย” ที่กำลังจะตาย อย่างที่ อ.ปณิธาน ชี้ให้เห็น เพราะดูจากวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมก็ระบุออกมาในทำนองนี้ เพียงแต่การเมืองในประเทศไทยพยายามจะโยงมาเป็นเรื่องโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่?
ที่อ.ปณิธาน ยกมากล่าวอ้างอย่างเห็นชัด ก็คือ กรณีในสหรัฐมีการบุกไปรัฐสภา มีการเสียชีวิตของผู้ประท้วง มีการละเมิดคนผิวสี เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้สหรัฐฯวิตกกังวลมากว่าประชาธิปไตยเสรีนิยมตะวันตกที่สหรัฐฯ และอังกฤษผลักดันมาหลายสิบปี เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทางการทูต เพื่อกดดันให้มีพันธมิตรมากขึ้น จะสั่นคลอน
สำหรับการเลือกประเทศที่เข้าร่วม ก็อาจตรงกับความเห็นของหลายท่านที่ว่า สหรัฐอาจเลือกประเทศที่ “ครอบงำ” ได้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้มากที่สุด ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับ การมองไทยเป็นเผด็จการอย่างที่สื่อบางสำนักต้องการจะสื่อออกมา?
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หลายคนเชื่อว่า ไม่เชิญก็ดี เพราะเป็นเรื่องการเมือง จะได้ไม่ลำบากใจที่จะตอบตกลงหรือไม่ หรือ ที่ต้องเลือกอยู่ข้างหนึ่งข้างใด เพราะลำพังปัญหาเลือกข้างในประเทศไทยก็วุ่นวายพออยู่แล้ว
แต่ประเด็นที่ต้องวิเคราะห์อย่างมาก ก็คือ ในเมื่อ “เสรีประชาธิปไตย” ภายใต้สหรัฐฯ อังกฤษ กำลังจะตาย แต่ทำไม ยังมีคนบางกลุ่มในประเทศไทย ที่อ้างเป็นคนรุ่นใหม่ โหยหา และพยายามต่อสู้ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้ แม้ต้องขัดแย้งกับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศก็ยอม
นี่คือ ประเด็นที่น่าคิดอย่างยิ่ง ทำไมประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยในแบบของตัวเองไม่ได้?
ทำไมประชาธิปไตยจะต้องเป็นทาสใคร? ตอบได้หรือไม่