รับลูกกระแส 11.11 “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ดันส่งออกยางพารา ตลาดจีน

“เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ดันส่งออกยางพารา ก.พาณิชย์ รับลูกกระแส 11.11 วันคนโสด บูมส่งออกหมอนยางตลาดจีน

วันนี้ (11 พ.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จับมือกับกระทรวงพาณิชย์ เร่งเดินหน้านโยบาย “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกยางพาราและนำรายได้เข้าประเทศ ซึ่งแนวโน้มการส่งออกยางพารา คาดว่า จะขยายตัว 5.0-8.0% ต่อปี ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมถุงมือยางและผลิตภัณฑ์ยางทางการแพทย์ โดยเน้นการใช้นวัตกรรมทางการผลิตและการตลาด

ทางด้านการผลิต กระทรวงเกษตรฯ กำลังดำเนินการเร่งจัดตั้ง ”ตลาดซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบจริงของยางพารา” โดยการยางแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมกับเร่งส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยส่งเสริมการลงทุนโรงงานผลิตถุงมือยาง รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ในยุคนิวนอร์มัล รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการผลิตการแปรรูปสินค้าและผลิตภัณฑ์ยางพาราโดยร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) ในงานด้านวิจัยและพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเน้นเทคโนโลยีเมดอินไทยแลนด์ (made in Thailand)

มากไปกว่านั้น ภาครัฐยังร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา เช่น “โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรม” และโครงการเกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่สู่ธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรยุคใหม่ รวมถึงข้อริเริ่มใหม่ๆ เช่น โครงการ Rubber Valley ซึ่งเป็นโครงการการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor) ของรัฐบาลสู่การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ครอบคลุมทั้งกิจกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มยางพาราทั้งระบบ

ส่วนด้านการตลาด นางสาวรัชดา กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางในการผลักดันสินค้าและบริการของไทยสู่ตลาดโลก อย่างกรณีประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของสินค้าเกษตรไทยหลายตัว และในปีนี้ กระทรวงฯได้เลือกผลิตภัณฑ์หมอนยางพาราไทย ให้เข้าร่วมมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี 11.11 หรือวันคนโสด ระหว่างวันที่ 1-11 พฤศจิกายน 2564 บนแพลตฟอร์ม Tmall Global เพื่อดันยอดขายหมอนยางพาราไทยที่เป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้ายอดฮิตอันดับ 1 ในช่วงเทศกาลชอปปิ้งเมื่อปีที่แล้ว ในภาพรวมมีมูลค่าการซื้อขายตลอดช่วงมหกรรม จำนวน 769.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2019 เกือบเท่าตัว (410.1 พันล้านหยวน) ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้าออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดดคือสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

“นโยบาย เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด ไม่ได้ใช้กับผลิตภัณฑ์ยางพาราเท่านั้น แต่เป็นแนวทางทีใช้กับสินค้าเกษตรทุกชนิด ภายใต้การบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มจีดีพีประเทศ และเพิ่มรายได้เกษตรกรและผู้ประกอบการ มากไปกว่านั้น ยังครอบคลุมถึงการสร้างความเชื่อมั่นสินค้าไทยด้วยคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัย และการตรวจสอบย้อนกลับ มุ่งพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด” นางสาวรัชดา กล่าว