xs
xsm
sm
md
lg

“ธนกร” เตือน ส.ส.ก้าวไกล หยุดใส่ร้าย รบ. ยันขอ SHA, SHA+ เท่าเทียมไม่มีเอื้อรายใหญ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โฆษกรัฐบาล เตือน ส.ส.ก้าวไกล หยุดใส่ร้ายรัฐบาล ยืนยันผู้ประกอบการทุกไซส์ ทั้งจิ๋ว เล็ก กลาง หรือใหญ่ สามารถยื่นขอมาตรฐาน SHA และ SHA+ ได้อย่างเท่าเทียมไม่ได้เอื้อรายใหญ่ ททท. จัดโต๊ะประสานงานผู้ประกอบการสามารถ Walk in เข้าปรึกษาได้ทุกวันไม่มีช้า สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวรองรับเปิดประเทศ

วันนี้ (8 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาระบุมาตรฐาน SHA ช้าสมชื่อ เอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่ กีดกันผู้ประกอบการรายเล็ก ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นายวิโรจน์ เป็นบุคคลที่ล้มละลายทางด้านความน่าเชื่อถือ ชอบออกมาใส่ร้ายรัฐบาลเป็นประจำ ตนไม่ขอตอบโต้ แต่ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งกระบวนการขอเครื่องหมาย SHA และ SHA+ เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกรายเพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานภาคบริการของไทยด้วย โดยเป้าหมายสำคัญ คือ การสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัยแก่นักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการ โดยยึดหลักแนวทางการดำเนินงานและมาตรการป้องกันความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับสถานประกอบการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีกระบวนการสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการของไทยทั้งขนาดจิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนแม้สถานการณ์โควิด-19 จะผ่านไป ล่าสุดผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและได้รับมาตรฐาน SHA ทั่วประเทศ 22,381 ราย SHA กทม. 5,444 ราย SHA+ ทั่วประเทศ 5,290 ราย SHA+ กทม. 606 ราย แล้ว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของ SHA มาจาก Amazing Thailand Safety & Health Administration เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นเพิ่มความรัดกุมกับสินค้าและบริการ ภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 19 ให้ปลอดภัยและถูกต้องตามหลักสุขอนามัย โดยเป็นมาตรการที่กำหนดร่วมกันระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการยกระดับมาตรการความสะอาดเพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ซึ่งกิจการที่สามารถขอตรา SHA ได้นั้น มีทั้งหมด 10 รูปแบบ ได้แก่ ร้านอาหาร โรงแรมหรือที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ยานพาหนะ บริษัทนำเที่ยว กิจการเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว การจัดกิจกรรม/จัดประชุม/โรงละคร/โรงมหรสพ และร้านค้าต่างๆ โดยตราสัญลักษณ์ SHA และ SHA+ ยืนยันถึงมาตรฐาน ที่คำนึงถึงสุขลักษณะของอุปกรณ์เครื่องใช้/อาคาร/ห้องพัก การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค แนวการป้องกันสำหรับผู้ให้บริการและผู้รับบริการ และรวมไปถึงการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นต้น โดยสามารถลงทะเบียนที่ www.thailandsha.com ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไขเกณฑ์ตรวจสอบเพื่อประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในสถานประกอบการที่กำหนดไว้ อาทิ การใช้แพลตฟอร์มไทยชนะ/หมอชนะ การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม (แบบ ร.ร.2) หรือ หนังสือแจ้งการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามกฎหมายและขอให้ตรวจสอบการปรับปรุงอาคารต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 6/2562 (คสช.) หรือ แบบหนังสือรับแจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม (โฮมสเตย์) เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถติดต่อ ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตฯ แล้วนำมาประกอบในการขึ้นทะเบียน SHA และ SHA+ ได้ต่อไป ปัจจุบัน ททท. ได้พัฒนาระบบเว็บไซต์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการไปติดต่อด้วยตัวเอง ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ในเวลาราชการได้ทุกวัน

“ขอยืนยันว่า รัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบลงทะเบียนขอรับ SHA และ SHA+ ได้อย่างเท่าเทียม และไม่ได้มีการกีดกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบทุกไซส์ ทั้งจิ๋ว เล็ก กลาง หรือใหญ่ ไม่เอื้อใครแต่ทำเพื่อทุกคน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยด้านสุขภาพเป็นหัวใจสำคัญ เพราะท่านนายกรัฐมนตรีเปิดประเทศพร้อมยกระดับมาตรการทุกกิจการ/กิจกรรมให้สูงขึ้นเพื่อปกป้องชีวิตคนไทย ขณะเดียวกันส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามเสนอให้หย่อนระเบียบลง อย่างเช่นกรณีของมาตรฐาน SHA+ ให้กลับไปใช้ SHA อย่างเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภาระและให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะเป็นวิสัยทัศน์ระยะสั้น และจะกลายเป็นบอนไซให้ธุรกิจและผู้ประกอบการไทยไม่ได้เติบโตอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งที่สวนทางกับความเป็นจริงทางธุรกิจ” นายธนกร กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น