โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ กำชับฝ่ายความมั่นคงจับกุมแรงงานต่างด้าว ลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมาย ควบคู่มาตรการป้องกันและควบคุมโรค Covid-19 มอบหมาย ก.แรงงาน หาแนวทางเพิ่มแรงงานในระบบ ในภาคอุตสาหกรรมและการบริการ รองรับการเปิดประเทศของรัฐบาล
วันนี้ (5 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวด เฝ้าระวัง สกัดกั้นขบวนการขนย้าย ค้าแรงงานต่างด้าวที่แอบลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดนโดยผิดกฎหมาย หลังพบการรายงานการจับกุมการลักลอบขนย้ายแรงงานเถื่อนผ่านชายแดนมีความถี่มากขึ้น โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพิ่มมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทุกประเภท ทั้งการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การค้าอาวุธเถื่อนและยาเสพติด ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค Covid-19 บริเวณชายแดน รวมทั้งใช้กลไก ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการทำงาน ร่วมกันและนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ และให้สถานที่กักกัน (OQ) ให้เพียงพอเพี่อรองรับการลักลอบข้ามแดนที่มากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจับกุมการลักลอบขนย้ายแรงงานเถื่อนผ่านชายแดนหลายคดีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นวันที่ 3 พ.ย. 64 เจ้าหน้าที่จับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 17 คน ที่บริเวณจุดตรวจ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ วันเดียวกันในพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยงู บ.ห้วยหมากเลี่ยม ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พบผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา 19 คน และเมี่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้จับกุมชาวเมียนมา บริเวณช่องทางธรรมชาติช่องสิบศพ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้ 45 คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจคัดกรองโควิด-19 ตามมาตรการเฝ้าระวัง ก่อนนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ ตม. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
“นายกรัฐมนตรีสั่งขยายผลขบวนการนำพาแรงงานเถื่อนข้ามพรมแดน เร่งสืบสวนผู้อยู่เบื้องหลังเพื่อขยายผลจับกุมเครือข่ายแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย พร้อมกระทรวงแรงงาน เร่งหารือแนวทางแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาพอุตสาหกรรมด้วย เพื่อให้เกิดการนำเข้า แรงงานอย่างถูกกฏหมาย รองรับความต้องการของภาคการผลิตและบริการไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากความสำเร็จในการเดินหน้าการเปิดประเทศเพิ่มมากขึ้นของรัฐบาล” นายธนกร กล่าว