xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” จี้รัฐจัดการน้ำมันเถื่อนจริงจัง แนะลดภาษีสรรพสามิตตรึงดีเซลลิตรละ 25 บาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รสนา” เรียกร้องรัฐบาลจัดการน้ำมันเถื่อนจริงจัง ชี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งของกระบวนการค้าของเถื่อนและทุจริตระดับชาติ แนะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 5 บาท จากที่เก็บ 6 บาท เป็นการชั่วคราว เพื่อตรึงดีเซลไว้ที่ลิตรละ 25 บาท ช่วยลดแรงจูงใจไปซื้อของเถื่อนซึ่งขายกันอยู่ที่ลิตรละ 21-22 บาท

วันที่ 26 ต.ค. 2564 น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า ... รัฐบาลจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเมืองด้วยน้ำมันเถื่อนหรือ !?

คดีจับน้ำมันเถื่อน 1.2 ล้านลิตร เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม และจับอีก 400,000 ลิตร เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนป่านนี้ยังเงียบกริบ หรือว่าเล่นละครจบแล้ว น้ำมันเถื่อนที่จับได้ก็ขายไปแล้วได้เงินเข้าหลวงแล้ว เป็นอันปิดจ๊อบให้เรื่องกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง ใช่หรือไม่

น้ำมันเถื่อนที่จับได้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งของหนึ่งในกระบวนการค้าของเถื่อน และ การทุจริตที่เป็นวงจรการสมประโยชน์กันระหว่างคนค้าน้ำมันเถื่อนกับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ รวมทั้งความเสื่อมของระบบราชการที่มีทั้งความไร้น้ำยาและการสมประโยชน์กันในวงการราชการ ประเภทหัวส่าย หางเลยกระดิกกันเป็นแถว ใช่หรือไม่

กรณียึดน้ำมันเถื่อน1.2 ล้านลิตร และ 400,000 ลิตร เป็นน้ำมันที่มีมาร์คเกอร์สีเขียว แสดงว่าไม่ใช่น้ำมันเถื่อนนำเข้ามาขายจากนอกประเทศ แต่เป็นน้ำมันสำหรับส่งออกจากไทยเรานี่เอง การที่ตำรวจน้ำจับน้ำมันเถื่อนได้ที่สมุทรปราการ และใกล้เกาะสีชังซึ่งถือว่าเป็นหน้าบ้านของกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต แต่เจ้าของบ้านไม่รู้ว่ามีโจรมาลอยลำเรือน้ำมันเถื่อนเหยียบจมูกตัวเองอยู่หน้าบ้าน และปล่อยให้ตำรวจน้ำที่เป็นหน่วยงานอื่นมาจับโจรถึงหน้าบ้านตัวเอง โดยที่ทั้ง 2 กรมภาษีของกระทรวงการคลังก็มีกองกำลังปราบปรามผู้หนีภาษีซึ่งมีฤทธานุภาพพอ ๆ ฝ่ายตำรวจ และควรจะเป็นเจ้าภาพในการจับกุมน้ำมันเถื่อนดังกล่าวโดยตรง อธิบดีกรมศุลกากร และ อธิบดีกรมสรรพสามิตรู้สึกเสียหน้าบ้างหรือไม่ ก้นร้อนบ้างหรือไม่ !? หรือว่าอธิบดีทั้ง 2 กรม รวมถึง รมว.กระทรวงคลังยังรู้สึกชิวๆ ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไร ใช่หรือไม่ !?

เหตุการณ์จับน้ำมันเถื่อนแสดงให้เห็นอะไรบ้าง

1) แสดงว่ามีรูรั่วมโหฬารในการดูแลการเก็บภาษีที่เป็นงบประมาณแผ่นดินของกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ที่ปล่อยให้มีเรือขนน้ำมันเถื่อน 1.2ล้านลิตร ซึ่งเท่ากับรถบรรทุก 10 ล้อ ถึง 30 คัน และ 400,000 ลิตร เท่ากับรถบรรทุก 10 ล้อ 10 คัน ที่ขนน้ำมันเถื่อนมาจอดอยู่หน้าบ้าน โดยเจ้าของบ้านไม่รู้ไม่เห็น ได้อย่างไร (รถ 10 ล้อบรรทุกน้ำมันได้คันละประมาณ 4 หมื่นลิตร) ทั้งที่มีหน่วยปราบปรามใหญ่โต แสดงว่า กินเงินเดือนแต่ไม่ได้ทำงานกันเลยหรืออย่างไร หรือที่เลวร้ายกว่านั้น คือ อาจเป็นการทุจริตสมประโยชน์กัน ตามที่มีคำกล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงทะเลหวาน คือหวานคอแร้งของพวกค้าน้ำมันเถื่อน ใช่หรือไม่

2) ทั้งกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิตต้องสาวไปให้ถึงเจ้าของเรือ ว่าไปรับน้ำมันจากคลังไหน ทั้ง 2 กรมรู้ข้อมูลเรื่องการนำเข้า ส่งออกน้ำมันละเอียดที่สุด หากจับคนผิดรวมทั้งเครือข่ายใต้ดินเหล่านี้มาลงโทษไม่ได้ อธิบดีทั้ง 2 กรม รมว.กระทรวงคลัง และนายกฯจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร

3) ผบ.ตร.ที่ออกมาจัดการจับน้ำมันเถื่อนโชว์ในครั้งนี้ ต้องสอบสวนจริงจังให้เหมือนการสอบการค้ายาเสพติด เพราะการค้าน้ำมันเถื่อนครั้งนี้อยู่ในข่าย “ความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน” อย่างแน่นอน เรื่องนี้ต้องให้ ปปง.เข้ามาตรวจสอบดำเนินการจนสิ้นกระแสความ อย่าจบแค่ยึดน้ำมันมาขายทอดตลาดและเอาเงินเข้าหลวงเท่านั้น ประชาชนจะสงสัยได้ว่าเป็นแค่ระดับสั่งสอนคู่ขัดแย้งทางการเมืองแบบเบาะๆ แล้วก็ปล่อยไป ใช่หรือไม่

ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงเป็นช่วงโอกาสทองของผู้ค้าน้ำมันหนีภาษี โดยผู้ที่ได้รับประโยชน์คือ กลุ่มธุรกิจมืด
และกลุ่มนักการเมืองสีเทาที่มีอิทธิพลเหนือข้าราชการประจำ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าน้ำมันที่สุจริตและกลุ่มธุรกิจขนส่ง รวมทั้งผู้บริโภคน้ำมันถ้วนหน้า ต้องแบกรับราคาและภาษีน้ำมันที่ไม่เป็นธรรม ซ้ำเติมในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

สิ่งที่รัฐบาลควรทำโดยรีบด่วน คือ ไม่ทำให้ดีเซลราคาหน้าปั๊มแพงจนกลายเป็นการทำการตลาดให้น้ำมันเถื่อน ราคาน้ำมันเถื่อนขายได้ในราคาลิตรละ 21-22 บาท ดีเซลรัฐบาล 25 บาทต่อลิตร จึงสามารถทำได้ ซึ่งจะลดแรงจูงใจซื้อขายน้ำมันเถื่อน พร้อมกันนั้น รัฐบาลต้องขันน๊อตกรมที่ดูแลภาษีทั้งกรมศุลกากร และกรมสรรพสามิตให้ทำงานแข็งขัน ในการตรวจจับและลงโทษพวกผู้ค้าน้ำมันเถื่อนอย่างจริงจัง

รัฐบาลในอดีตเมื่อราคาน้ำมันแพงขึ้น รัฐบาลลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงเหลือเก็บแค่ 1 สตางค์/ลิตร สิ่งที่เครือข่ายผู้บริโภคเรียกร้องรัฐบาลไม่ถึงกับให้เก็บภาษีสรรพสามิตเหลือแค่ 1 สตางค์/ลิตร เสนอให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาท จากที่เคยเก็บลิตรละ 6 บาท ในระยะนี้เป็นการชั่วคราว และไปดำเนินการตรวจจับเข้มงวดไม่ให้ภาษีรั่วไหลจากการค้าน้ำมันเถื่อน ก็จะเป็นการช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชน และธุรกิจการขนส่งที่ส่งผลต่อราคาสินค้าโดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลจะเปิดประเทศให้คนจับจ่ายใช้สอย เดินทางท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ ซึ่งรัฐจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอื่นๆ จากประชาชนผู้ประกอบสัมมาชีพทั่วทั้งแผ่นดิน เมื่อประชาชนแข็งแรงขึ้นก็จะมีกำลังจ่ายภาษีเพื่อขับเคลื่อนชีวิตเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง




กำลังโหลดความคิดเห็น