“ปชป.” ยื่นขอแก้มาตรา 34 พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น เปิดทาง ส.ส.- ส.ว.- ขรก.การเมืองช่วยหาเสียง ชี้ เพื่อสร้างฐานประชาธิปไตยให้แข็งแรง
วันนี้ (18 ต.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดย นายองอาจ กล่าวว่า เราขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 34 เพื่อให้ ส.ส. ส.ว. และข้าราชการการเมืองสามารถไปช่วยหาเสียงได้ กรณีส่งผู้สมัครในนามพรรคการเมือง เพราะในมาตรา 34 บัญญัติไว้ว่า กรณีปรากฏข้อเท็จจริงข้าราชการการเมือง ส.ส. และ ส.ว. กระทำใดๆ โดยมิชอบในทางหน้าที่ กลั่นแกล้งผู้สมัคร หรือดำเนินการใดๆ เป็นโทษแก่ผู้สมัคร โดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมาย มีอำนาจสั่งให้ยุติ หรือระงับการกระทำนั้นได้ แต่เดิมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นจะไม่มีการบัญญัติคำว่า “หรือดำเนินการใดๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร” แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการแก้ไขให้มีคุณมีโทษ จึงทำให้ ส.ส. ส.ว.และข้าราชการทางการเมืองไม่สามารถไปช่วยรณรงค์หาเสียงได้ เพราะถ้าไปช่วยหาเสียงเท่ากับเป็นคุณ ขณะเดียวกัน หากไปขึ้นเวทีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์ผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามก็ถือเป็นการให้โทษ เท่ากับเป็นปัญหาและอุปสรรคในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น มาตรา 34 นี้ ถือได้ว่าเป็นการปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และพรรคการเมือง โดยไม่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นถึงความเข้มแข็งของพรรคการเมืองด้วยเหตุนี้จึงได้เสนอแก้ไข
นายองอาจ กล่าวต่อว่า การแก้ไขกฎหมายนี้ เป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ฐานราก รวมถึงหลักปรัชญาการเมืองและการปกครองทั่วไป ถือว่าองค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นเวทีสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแก่ประชาชน เป็นการสร้างให้องค์กรปกครองท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง ซึ่งจะมีผลให้การเมืองระดับประเทศมีความเข้มแข็งด้วย อันมีผลทำให้ประเทศชาติเจริญ ประชาชนมั่งคั่งดังเช่นนานาอารยประเทศทั้งหลาย เชื่อว่า พรรคการเมืองต่างๆ น่าจะเห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อให้ ส.ส. ส.ว. ข้าราชการการเมืองช่วยหาเสียงตามครรลองปกติของการหาเสียงเลือกตั้งได้ เพราะเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ และผิดปกติของพรรคการเมืองอย่างมากที่ ส.ส. และ ข้าราชการการเมืองของพรรคไปช่วยหาเสียงให้คนที่ลงสมัครท้องถิ่นในนามพรรคไม่ได้ ทั้งๆ ที่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของสมาชิกพรรคการเมืองที่ดีควรกระทำตามปกติอยู่แล้ว ถ้าสามารถแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นให้สมาชิกพรรคการเมืองที่เป็น ส.ส. ส.ว. ข้าราชการการเมืองรณรงค์หาเสียงได้ก็จะช่วยให้การเมืองท้องถิ่นตั้งแต่ระดับฐานรากถึงการเมืองระดับชาติมีความเข้มแข็ง อันส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความมั่นคงตามไปด้วยในที่สุด
เมื่อถามว่า เดิมจุดประสงค์มาตรา 34 นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าราชการทางการเมืองเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สมัครฯ นายองอาจ กล่าวว่า ในตัวกฎหมายนี้ห้ามอยู่แล้วที่ไม่ให้ข้าราชการการเมืองใช้อาจหน้าที่กลั้นแกล้งผู้สมัคร แต่เมื่อมีการเพิ่มคำว่า เป็นคุณหรือเป็นโทษเข้าไปอีก ก็มีการตีความว่าการไปเดินรณรงค์ช่วยผู้สมัครหาเสียงนั้นก็เป็นคุณแล้ว หรือการที่ไปพูดวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการบริหารท้องถิ่นก็เป็นโทษ
เมื่อถามต่อว่า การเสนอแก้กฎหมายครั้งนี้เพื่อเตรียมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใช่หรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า เราเสนอเพื่อรองรับการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ เพื่ออนาคตภายหน้า ที่ผ่านมา เราก็ผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นมาครึ่งทางแล้วและเห็นอุปสรรคที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเห็นว่าควรดำเนินการแก้ไข ในอนาคตหากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นใดจะได้ไม่ย้อนแย้งต่อความเป็นจริง