วันนี้ (29 ก.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในไทย ว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มลดลงตามตัวเลขที่ทาง ศบค. แถลงออกมา จนทำให้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จนทำให้หลายกิจการสามารถกลับมาดำเนินการได้ใกล้เคียงสภาวะปกติมากขึ้น แต่การเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่นายกฯ เคยประกาศไว้ ซึ่งน่าจะเปิดทั้งประเทศ ประมาณกลางเดือนตุลาคมก็ยกเลิกไป รวมถึงการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยว 10 จังหวัด รวมถึง กทม. ด้วย ก็เลื่อนออกไปเป็น 1 พฤศจิกายน ก่อให้เกิดการชะลอการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้การทำมาค้าขายเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุดต้องเคลื่อนออกไป ซึ่งเงื่อนไขสำคัญส่วนหนึ่งของการที่จะทำให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ คือ การฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ครอบคลุมมากที่สุด แต่การฉีดวัคซีนก็ยังเดินหน้าไปเรื่อยๆ เฉลี่ยวันละ 1 แสนโดส ยกเว้นวันที่ 24 ก.ย. วันมหิดล ที่ผ่านมา ที่ทางราชการฉีดวัคซีนได้มากกว่า 1 ล้านโดส ตามเป้าหมายในวันเดียว ซึ่งแสดงว่าการบริหารจัดการสาธารณสุขไทย มีศักยภาพสามารถฉีดวัคซีนวันละมากกว่าล้านโดสได้
จึงขอฝากนายกรัฐมนตรี ผอ.ศบค. ช่วยบริหารจัดการให้ฉีดวัคซีนได้วันละมากกว่าล้านโดสเหมือนวันมหิดลที่ผ่านมา หรืออย่างน้อยที่สุดอาจลดลงมาฉีดให้ได้มากกว่า 5 แสนโดส ต่อวัน ก็จะทำให้ปริมาณการฉีดวัคซีนให้ประชาชนไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะมีส่วนช่วยทำให้เราเปิดประเทศได้รวดเร็วขึ้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจกลับสู่ปกติโดยเร็ว รวมทั้งช่วยชาวบ้านระดับรากหญ้าที่หาเช้ากินค่ำ ซึ่งมีชีวิตด้วยความยากลำบากชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบอยู่ในขณะนี้ได้ลืมตาอ้าปากได้ในที่สุด การฉีดวัคซีนได้มากได้ไวเท่าไหร่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้นเท่านั้น