กกต.ชงแก้ 35 มาตรา พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ทั้งบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ วิธีคำนวณ ส.ส. แบ่งเขตใหม่ ลดเวลาลงคะแนน จ่อพ่วงไพรมารีโหวต
วันนี้ (13 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.30 น. ตามที่มีการเชิญ มีรายงานว่า ทาง กกต.จะได้มีการนำเสนอร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ทางสำนักงานฯได้มีศึกษาและยกร่างขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา เบื้องต้นร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเสนอมี 35 มาตรา เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวน ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศ มารวมกันหารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อส.ส. 1 คน และหากจัดสรรแล้วยังได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ 100 คน ก็จะจัดสรรให้พรรคที่เหลือคะแนนเศษมากตามลำดับ การแบ่งเขตใหม่ 400 เขต ให้เสร็จใน 90 วัน ส.ส.เขตใช้เบอร์เดียวกับเบอร์พรรค การลดเวลาลงคะแนนเหลือ 16.00 น. เช่นเดิม เพิ่มกรรมการประจำหน่วยจาก 5 คน เป็น 9 คน กำหนดจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อหน่วย 800 คน เป็นต้น
นอกจากนี้ อาจมีการหารือถึงข้อติดขัดของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง ที่ กกต.ได้รับฟังจากพรรคการเมือง คือ กรณีการทำไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกและส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เพราะนับแต่ใช้บังคับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 จนปัจจุบันการจัดตั้งสาขาพรรค การหาสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการทำไพรมารีโหวต แต่ละพรรคยังเป็นปัญหา สมควรต้องมีการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 ในเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ นายทะเบียนพรรคการเมืองได้เสนอแนวทางแก้ไขให้ทางสำนักงานฯไปพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้งนั้น ว่า หากแก้ไขเป็นพรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครได้ต้องมีสาขาพรรคการเมืองจังหวัดละ 1 แห่ง ประชุมร่วมกับสมาชิก 500 คน สามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครในทุกเขตเลือกตั้งของจังหวัดตามบัญชีที่คณะกรรมการสรรหาส่งมาได้ น่าจะทำให้กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคคล่องตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลัง กกต.หารือกับทางรัฐบาลแล้ว ก็จะนำประเด็นหารือกลับมาเสนอต่อที่ประชุม กกต. ก่อนทำการยกร่างแก้ไขกฎหมาย และนำไปรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ก่อนเสนอ ครม.และรัฐสภา พิจารณาต่อไป